นักลงทุนชื่อดังผู้ก่อตั้งบริษัทการลงทุน Value Partners นาย William H. Miller III ได้กล่าวไว้ว่า “การไม่มีเหรียญ Bitcoin ไว้ในครอบครองนั้นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่”
ในวันที่ 5 มกราคมเขาได้เปิดเผยจดหมายเหตุ “สภาพตลาดไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ” ซึ่งภายในจดหมายได้กล่าวถึง Bitcoin ว่า
“นโยบายของธนาคารกลางชี้ให้เห็นว่าธนาคารกลางได้คาดการณ์ว่าในช่วงปีที่ผ่านมานั้นบริษัทต่าง ๆ จะสูญเสียเงินจากการลงทุนไปอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันบริษัทลงทุนบางแห่งเช่น Square, MassMutual และ Microstrategy ก็ได้ย้ายการลงทุนบางส่วนไปอยู่ใน Bitcoin แทนที่จะต้องสูญเสียเงินในการลงทุนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“แม้ว่าในปัจจุบันนักลงทุนส่วนมากจะเปรียบ Bitcoin เป็นเหมือนทองคำดิจิทัลก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีข้อดีจำนวนมากที่อยู่เหนือทองคำ โดยล่าสุดนั้นก็ยังมีบริษัทที่เลือกเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย”
ในวันที่ 8 มกราคม เขาได้ให้สัมภาษณ์กับนาง Kelly Evans ผ่านรายการ The Exchange ของช่อง CNBC โดยนาย Miller ได้กล่าวถึงความผันผวนของราคา Bitcoin ว่า
“คุณต้องคาดการณ์อยู่แล้วว่าราคา Bitcoin จะมีความผันผวนของราคาที่สูงมาก ๆ ซึ่งหากคุณไม่สามารถยอมรับมันได้ก็ไม่จำเป็นต้องถือครองมัน แต่ความผันผวนนั้นก็มาพร้อมกับความสามารถในการทำราคาของมัน”
ในวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมาเขายังได้กล่าวถึง Bitcoin ผ่านเอกสารการลงทุนของกองทุน “Income Strategy” อีกว่า
“ผมสามารถอธิบายได้สั้น ๆ ว่าไม่มีสินทรัพย์ชนิดใดที่มีสภาพคล่องเช่นเดียวกับ Bitcoin ที่มีข้อดีจำนวนมากเช่นนี้ นอกจากนี้ Bitcoin ยังเป็นเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่ล่าสุดมีตลาดขนาดมหึมารองรับมันอยู่ อุปทานของมันที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ตามนโยบายทางการเงินหรือกฎหมาย อีกทั้งภายใต้สภาวะ COVID-19 แม้จะเกิดการ Lockdown ขึ้นแต่การถือและลงทุนใน Bitcoin นั้นก็ยังสามารถดำรงต่อไปได้”
นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงความสามารถในการทำราคาของ Bitcoin ด้วยว่า
“ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด ซึ่งการไม่มี Bitcoin อาจถือเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงได้ โดยแม้ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง แต่ด้วยความต้องการที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ Bitcoin มีผลตอบแทนที่สูงกว่าทรัพย์สินอื่น ๆ ทุกชนิด”
ซึ่งเขายังได้ให้คำตอบง่าย ๆ ในการปกป้อง Bitcoin ว่าไม่ได้เป็นการต้มตุ๋นตามที่ถูกวิจารณ์แต่อย่างใด
“Bitcoin นั้นเป็นเพียงระบบเครือข่ายที่ถูกตั้งขึ้นโดยใช้ Protocol ซึ่งมูลค่าจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้งานของมัน แต่ในขณะเดียวกันมูลค่าเหล่านั้นก็ถูกส่งต่อให้กับผู้ใช้งานใหม่ ๆ อีกด้วย อีกทั้งยังมีสภาพคล่อง และโครงสร้างต่างที่ช่วยค้ำจุนให้ระบบนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่การต้มตุ๋นแต่อย่างใด”
ท้ายที่สุดนี้เขายังได้สรุปในแง่มุมด้านกฎหมายไว้ด้วยว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมากฎหมายเกี่ยวกับ Bitcoin (และสกุลเงินคริปโต) นั้นแทบไม่ได้เกิดขึ้นเลย อีกทั้งประธานก.ล.ต. คนใหม่นาย Gary Gensler ยังมีมุมมองที่ดีต่อ Bitcoin ด้วย ซึ่งแม้ว่า Bitcoin จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามคงไม่สามารถที่จะมาแทนที่เงิน Fiat ได้เร็ว ๆ นี้ แต่หากสามารถทำได้มูลค่าของมันคงมีมากมายอย่างเหลือเชื่อ
ที่มา: cryptoglobe