<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

[รีวิว] เว็บเทรด Bitcoin น้องใหม่มาแรง ByBit ที่ต้องการแจก USDT ให้คุณฟรี ๆ 50 เหรียญ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

คำเตือน: การเทรดคริปโตในตลาดตราสารอนุพันธ์ที่สามารถ Leverage ได้นั้นมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณก่อนการลงทุนและไม่ควรลงทุนมากกว่าที่สามารถเสียได้ ทาง Siam Blockchain จะไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นใดใดทุกกรณี บทความนี้เป็นเพียงแค่บทความสอนการใช้งานเบื้องต้นเพียงเท่านั้น

ในปี 2021 นี้นับว่าเป็นปีทองของวงการ Cryptocurrency อย่างแท้จริง จะสังเกตได้จากการทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติศาสตร์ของราคา Bitcoin ที่ระดับ $58,000 หรือการแห่เข้ามาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลของนักลงทุนที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รวมไปถึงผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีให้นักลงทุนเลือกใช้ได้อย่างมากมาย ซึ่งในวันนี้ทาง Siam Blockchain จะมารีวิวแพลตฟอร์ม Bybit กระดานเทรดสัญญาซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีแบบล่วงหน้า (Derivatives Exchange)

แม้ว่าทางเราจะเคยทำการรีวิวไปแล้ว แต่ด้วยกาลเวลาผ่านพ้นไปและอัปเดตต่าง ๆ ทำให้เราได้เห็นถึงความเจ๋งและความน่าใช้ของ Bybit ซึ่งจะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ต้องตามไปดูกับรีวิวในบทความฉบับนี้

Bybit คืออะไร? อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสาย Short/Long 

Bybit เปิดตัวขึ้นในปี 2018 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งานของแพลตฟอร์มนี้ได้กระจายตัวอยู่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นโซนอเมริกาเหนือ ยุโรป รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการอยู่บนแพลตฟอร์มในขณะนี้เป็นลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในรูปแบบของ Perpetual Contract ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับการซื้อขายสัญญา Futures แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะไม่มีวันหมดอายุและเป็นสัญญาต่อเนื่องคล้ายกับตลาด Spot

และล่าสุดทางแพลตฟอร์มได้เพิ่มฟีเจอร์ของตลาด Futures เข้ามาแล้วด้วย อย่างไรก็ตามควรระวังในเรื่องของ Expiration date ที่สามารถหมดอายุได้ต่างจาก Perpetual Contract

ซึ่งทางผู้ก่อตั้ง Bybit ได้กล่าวถึงการเข้ามายังตลาดในไทยว่า

“จริง ๆ แล้วเรามีจำนวนผู้ใช้งานจากประเทศไทยมากอยู่แล้วเนื่องจากเรามีสภาพคล่องที่ดี โดยปัจจุบันวอลุ่มการเทรดได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งมาจากผู้ใช้งานจากประเทศไทย ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างมาก”

ในมุมมองของผู้เขียนนั้นแพลตฟอร์มของ Bybit มีความเสถียรสูงมาก จึงเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งในปัจจุบันเราได้เห็นเซิร์ฟเวอร์ของกระดานเทรดหลายแห่งล่มลงเมื่อมีความผันผวนในตลาดและผู้ใช้งานแห่ทำธุรกรรมพร้อมกัน ทำให้ระบบหลังบ้านไม่สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้งานได้ทันที

แต่ไม่ใช่กับ Bybit ที่มีระบบความปลอดภัยสูง สามารถรองรับผู้ใช้งานและการทำธุรกรรมได้จำนวนมากเมื่อเกิดความผันผวนในตลาด จากการทดลองการใช้งานแล้วพบว่าช่วงที่ราคา Bitcoin มีความผันผวนอย่างรุนแรง การใช้งานยังคงมีความลื่นไหลปกติ ซึ่งแตกต่างจากกระดานเทรดอื่นที่เกิดอาการ errors 

อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มนี้ยังไม่มีเวอร์ชันภาษาไทยบนเว็บไซต์ แต่ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าภาษาไทยบน Google Translate ได้ซึ่งก็ง่ายต่อการเข้าใจเช่นกัน

จากที่กล่าวไปข้างต้นว่าแพลตฟอร์ม Bybit เป็นการเทรดแบบการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (Derivatives) จึงทำให้มีโอกาสในการทำกำไรอย่างรวดเร็ว และก็อาจขาดทุนจนไปถึงถูกล้างพอร์ตได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน นักลงทุนจึงควรระวังและควรศึกษาทำความเข้าใจอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในการเทรด

ดีไซน์และความง่ายต่อการใช้งาน

เมื่อผู้ใช้งานเข้าสู่หน้าแรกของเว็บไซต์ Bybit จะพบกับการออกแบบที่ดูเรียบง่ายและสะอาดตาของแพลตฟอร์มโดยการใช้สีดำ เหลืองและขาวที่ตัดกันแล้วดูลงตัว ชวนให้นึกถึง Binance อีกหนึ่งแพลตฟอร์มยอดนิยมระดับโลก

ซึ่งผู้เขียนมองว่าการจัดวางเมนูต่าง ๆ บนเว็บไซต์สะดวกต่อการใช้งานของทั้งนักลงทุนมือใหม่และนักลงทุนมือเก่า อีกทั้งตัวเมนูหลักด้านบนยังครอบคลุมการใช้งานทุกส่วนของเว็บไซต์ ซึ่งหากนักลงทุนท่านใดเคยเทรดบน Binance แล้วล่ะก็ คงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับการใช้งานบนแพลตฟอร์มแห่งนี้

อย่างไรก็ตามราคาเหรียญคริปโตที่แสดงแบบ Real-time ในหน้าแรกที่อยู่ด้านล่างนั้นดูเหมือนจะน้อยเกินไปโดยมีเพียงไม่กี่เหรียญเท่านั้น อาจไม่เหมาะสำหรับนักเทรดสาย Altcoin 

เมื่อเลื่อนลงมาอีกจะพบกับ Bybit ในเวอร์ชันของ Mobile ที่สามารถโหลดแอปพลิเคชันได้จาก App Store และ Google Play 

นอกจากนี้หากผู้ใช้งานไม่เข้าใจในฟีเจอร์ใดก็สามารถเข้าไปยังเมนู Learn และ Help Center ที่ด้านบนของแถบเมนูหลักเพื่อทำความเข้าใจได้ โดยจะมีการแบ่งหัวข้ออย่างชัดเจน

การสมัครใช้งาน

การลงทะเบียนสร้างบัญชีผู้ใช้งานนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดายซึ่งสะดวกและรวดเร็วมาก โดยเข้าไปที่ลิงก์ Bybit ซึ่งทาง Bybit เปิดให้ลงทะเบียนผ่าน 2 ช่องทางได้แก่อีเมลและเบอร์โทรศัพท์

เมื่อเข้าไปที่หน้าการสมัครแล้ว ทางระบบจะให้ผู้ใช้งานใส่อีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ แล้วตามด้วยรหัสผ่านที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้นเอง เมื่อเสร็จสิ้นการสมัครแล้วให้ผู้ใช้งานเข้าไปยืนยันตัวตนที่อีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับทางเว็บไซต์

เมื่อยืนยันตัวตนเป็นสมาชิกกับ Bybit เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนขอแนะนำว่าให้ผู้ใช้งานเข้าไปทำการยืนยันอีกหนึ่งขั้นตอนหนึ่งนั่นก็คือ “2FA” โดยทางแพลตฟอร์มจะส่ง Authentication Code ผ่านช่องทางที่เราทำการสมัคร ซึ่งจะช่วยให้บัญชีของผู้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามทาง Bybit ไม่ได้มีการยืนยันตัวตน KYC จึงทำให้การสมัครสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว หากผู้ใช้งานติดปัญหาใด สามารถติดต่อทาง Customer Service ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกันกับทุกเว็บเทรด

เมื่อผู้ใช้งานทำการสมัครเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วทาง Bybit จะมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกรับเงินฟรีอย่างง่าย ๆ มูลค่ารวมกว่า 3,000 บาท โดยเข้าไปที่เมนูหลัก Promotions จากนั้นเลือกหัวข้อ Rewards Hub 

แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่ารางวัลดังกล่าวจะไม่สามารถถอนได้ โดยแท็กกำกับใต้ชื่อกิจกรรม Coupon จะสามารถใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการเทรด และ Bonus จะสามารถใช้แทนเงินสดเพื่อทำการเทรดได้เลย

ตัวอย่างกิจกรรมเช่น

  • ฝากเงินเข้าสู่กระดานเทรดภายใน 48 ชั่วโมงรับ Coupon ฟรี $50
  • กดติดตามช่องทางโซเชียลมีเดียรับ Coupon ฟรี $5
  • ยอดฝากเงินรวมมากกว่าหรือเท่ากับ 1 BTC รับ Bonus ฟรี $5
  • ชวนเพื่อนสมัครใช้งานรับโบนัสฟรี $10 และสามารถลุ้นรับรางวัลสูงสุดมูลค่า Bonus กว่า $500

ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของการร่วมสนุกกิจกรรมที่ทาง Bybit จัดขึ้นเพื่อรับเงินฟรี ยังมีกิจกรรมอีกมากมายบนเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานสามารถทำภารกิจเพื่อรับรางวัลอื่น ๆ ได้

หมายเหตุ: สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างใต้กิจกรรม โดยเงื่อนไขการแจกรางวัลและการใช้งานเป็นไปตามที่ทางเว็บไซต์กำหนด 

อีกทั้ง Bybit ยังมีบริการเปิดทดลองใช้ Demo Account ให้กับนักลงทุนที่ยังมีความลังเลในการเทรดคริปโตแต่อยากจะทดลองเทรด ด้วยเงินเสมือนจริง ราคาจริง กระดานเทรดจริง ซึ่งสามารถสมัครและรับเงินฟรีเพื่อทดลองเทรดได้ที่ลิงก์ต่อไปนี้ https://testnet.bybit.com/en-US/

ซึ่งในการเปิด Demo Account จะใช้วิธีการสมัครเช่นเดียวกันกับการเปิด Account จริง โดยทำการใส่อีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นให้เข้าไปยืนยันตัวตนที่อีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ทำการสมัครไว้

เมื่อสมัครเสร็จสิ้นแล้วจะมีอีเมลยืนยัน “[Testnet-Bybit] Success!”

หลังจากนั้นให้ผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์ไปที่เมนู Assets แล้วเลือก Deposite เพื่อทำการรับเงินหรือเหรียญคริปโตจำลองสำหรับใช้ในการทดลองเทรดบนกระดาน ตามภาพประกอบด้านล่าง

เมื่อหน้าต่าง Address ขึ้นมาแล้วจะเห็น Receive test coins 1-3 ซึ่งผู้ใช้งานสามารถกดรับเหรียญคริปโตทดลองฟรีได้ที่นี่ เมื่อกดแล้วจะเด้งไปหน้าให้ทดสอบและใส่ที่อยู่ของกระเป๋าตามรูปประกอบด้านล่าง ซึ่งเราสามารถ Copy ได้ที่ใต้รูป QR Code แล้วนำมาวางใส่ในช่อง Address

หลังจากนั้นก็รอรับเหรียญคริปโตที่ใช้สำหรับการทดลองเทรดประมาณ 5-10 แล้วกลับไปตรวจสอบที่อีเมลและเมนู Assets ใน Bybit อีกครั้ง

การซื้อคริปโตด้วย Promptpay 

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทางผู้เขียนชื่นชอบเป็นอย่างมากนั่นก็คือการชำระเงินการซื้อเหรียญคริปโตด้วยระบบ Promptpay ปัจจุบันมีให้เลือกซื้อ 3 เหรียญด้วยกันได้แก่ BTC ETH และ USDT โดยสามารถใช้เงินไทยบาทชำระได้อย่างสะดวกและมีสกุลอื่นทั่วโลกให้เลือกชำระมากกว่า 40 สกุลเงินเลยทีเดียว

อันดับแรกให้ผู้ใช้งานเข้าไปที่ Fiat Gateway ซึ่งเป็นเมนูหลักด้านบน จากนั้นให้ผู้ใช้งานใส่จำนวนเงินที่ต้องการซื้อเหรียญคริปโต

จากนั้นผู้ใช้งานสามารถเลือกช่องทางการชำระเงินได้ผ่านทาง Promptpay หรือบัตรเครดิต เช่น Visa หรือ Master Card 

เมื่อเลือกช่องทางการชำระเงินแล้วทางระบบจะทำการลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของผู้ให้บริการการชำระเงิน (Third Party) ดังตัวอย่างที่ผู้เขียนได้ทดลองใช้ของผู้ให้บริการ Xanpool เมื่อผู้ใช้งานตรวจสอบความถูกต้องของราคา ข้อมูลอื่น ๆ เรียบร้อยแล้วให้กด Next เพื่อย้ายไปยังขั้นตอนถัดไป

ขั้นตอนนี้จะเป็นการยืนยันตัวตนของผู้ซื้อ โดยระบบจะให้ใส่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานเช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ บัตรประชาชน เป็นต้น และเมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วทำการกด Submit เพื่อไปยังหน้าการยืนยัน จากนั้นเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการซื้อเหรียญคริปโต

ผู้เขียนมองว่าตรงจุดนี้ถือเป็นจุดแข็งที่ไม่เหมือนใครที่นักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ชื่นชอบความสะดวกสบายสามารถทำธุรกรรมผ่าน Promptpay ได้โดยไม่ต้องผ่านเครือข่าย Blockchain ซึ่งสำหรับมือใหม่แล้วการทำธุรกรรมผ่านระบบ Blockchain นี้อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในการเลือกเครือข่ายที่ไม่ตรงกันได้

เหรียญที่เปิดให้เทรด

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ากระดานเทรด Bybit เป็นกระดานเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบนั่นก็คือ

  1. Inverse Perpetual ซึ่งมีเหรียญให้เทรดดังนี้ BTC/USD, ETH/USD, EOS/USD และ XRP/USD
  2. USDT Perpetual ซึ่งมีเหรียญให้เทรดดังนี้ BTC/USDT, ETH/USDT, BCH/USDT, LINK/USDT, LTC/USDT และ XTZ/USDT
  3. Inverse Futures ซึ่งเป็นตลาดฟิวเจอร์สที่มี BTCUSD เปิดให้เทรดชิมลางเป็นคู่แรก

โดยในรูปแบบของ USDT Perpetual จะเป็นการใช้เหรียญ USDT ในการคำนวณมาร์จิ้น ส่วน Inverse Perpetual จะเป็นการใช้เหรียญ BTC, ETH, EOS หรือ XRP เท่านั้นในการคำนวณมาร์จิ้น นั่นหมายความว่าผู้ใช้งานถือครองเหรียญใด ก็จะสามารถเริ่มเทรดเหรียญนั้นในรูปแบบนี้ได้ ซึ่งปัจจุบันรองรับแล้วถึง 4 เหรียญ

และตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Futures ที่ทางแพลตฟอร์มเพิ่งทำการเพิ่มเข้ามานั้นจะเป็นการใช้ BTC คำนวณมาร์จิ้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งตัวเลขที่ต่อท้าย “BTCUSD0326” หมายถึงวันที่หมดอายุของสัญญา

ผู้เขียนมองว่าการที่รองรับสกุลเงินดิจิทัลเพียงไม่กี่เหรียญอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในการเทรดเหรียญ Altcoin ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าน่าเสียดายมาก ๆ อย่างไรก็ตามมีข่าวว่าในอนาคตจะมีการเพิ่มเหรียญเข้ามาของเว็บเทรด อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะเปิดตลาด Spot อีกด้วย 

การซื้อขายและค่าธรรมเนียม

ทางด้านซ้ายจากภาพประกอบจะเป็นกราฟแสดงราคาพร้อมปริมาณซื้อขายในอดีตและยังมีเครื่องมือที่สามารถใช้สำหรับช่วยในการเทรดได้

ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นการแสดงปริมาณราคาการซื้อขายปัจจุบันและสามารถสร้างคำสั่งในการเปิด Position Long หรือ Short โดยสามารถกำหนด Leverage ได้ตั้งแต่ 1x จนถึง 100x ได้ 

หลักการพื้นฐานของการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ต้องเข้าใจก่อนอันดับแรกเลยคือการ Sell/Short และ Buy/Long 

Sell/Short: เป็นการยืมสัญญามาขายก่อนในราคาที่แพง แล้วจึงนำสัญญาที่ยืมมานั้นไปคืนในราคาที่ถูก จึงจะได้ส่วนต่างของกำไร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการซื้อแพงเพื่อขายถูก

Buy/Long: เป็นการซื้อสัญญาในราคาถูกเพื่อไปขายในราคาแพง

สรุปง่าย ๆ หากนักลงทุนมองว่าราคาจะขึ้น ให้ทำการ Long แต่หากมองว่าราคาจะลงให้ทำการ Short ซึ่งต้องดู Liquidity Price ประกอบเพื่อป้องกันการถูกล้างพอร์ตนั่นเอง

ซึ่งการซื้อขายสัญญา Perpetual Contract นั้นสามารถซื้อขายได้ตามปกติ ไม่มีวันหมดอายุของสัญญา แต่หากเป็น Futures ผู้ใช้งานควรระวังการหมดอายุของสัญญาให้ดี อีกทั้งควรคำนวณมาร์จิ้นและ Liquidation price เพื่อป้องกันการล้างพอร์ต ผู้ใช้งานสามารถดูตัวอย่างการซื้อขายอย่างละเอียดได้ที่นี่

ค่าธรรมเนียมโดยทั่วไปในการเปิดและปิด Position สำหรับ Market order นั้นอยู่ที่ 0.075% แต่หากผู้ใช้งานตั้งออเดอร์แบบ Limit order ในการเปิดและปิด Position จะได้รับ Rebate หรือการคืนเงินให้ 0.025% จากยอดที่ตั้งออเดอร์ นับว่าเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครที่ทาง Bybit ให้แก่ผู้ใช้งาน

ทางด้านล่างจะเป็นการบอกสถานะที่เราเปิด Short หรือ Long Position ซึ่งสามารถตั้งค่าปิด Position ได้ผ่าน Limit/Market

โดย Bybit จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งออเดอร์ล่วงหน้าในขณะที่ผู้ใช้งานไม่ว่างที่จะทำการเทรด นั่นก็คือการตั้งค่า Take Profit และ Stop Loss 

แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ Bybit ยังสามารถให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อหลักประกัน (Mutual Insurance) ที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนและเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร โดยฟีเจอร์นี้จะเปิดให้บริการบน PC เท่านั้น และเปิดเฉพาะผู้ซื้อขายสัญญาล่วงหน้ากับกระดานเทรด Bybit 

Mutual Insurance เป็นลูกเล่นที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก กล่าวคือหาก Position ที่ผู้ใช้งานเกิดการขาดทุน ผู้ใช้งานที่ซื้อ Mutual Insurance จะได้รับค่าชดเชยจากกองทุนรวมประกันได้ (Mutual Insurance Fund) จากทาง Bybit ได้

ซึ่งผู้ใช้งานที่เปิด Long position จะสามารถซื้อ Long protection เพื่อป้องกันความเสี่ยงในขาลง ส่วนผู้ใช้งานที่เปิด Short Position จะสามารถซื้อ Short protection เพื่อป้องกันความเสี่ยงในขาขึ้น โดยจะสามารถเลือกระยะเวลาได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมง จนไปถึง 48 ชั่วโมง

สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนแรก: ผู้ใช้งานสามารถกดซื้อได้ที่คำว่า Buy Insurance

ขั้นตอนที่สอง: เลือกจำนวนเปอร์เซ็นของ Position ทั้งหมดที่ผู้ใช้งานถือสัญญาอยู่และเลือกระยะเวลาของการประกันความเสี่ยงได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมงจนถึง 48 ชั่วโมง ซึ่งทางระบบจะแสดงราคาที่ผู้ใช้งานต้องจ่ายทันที

ขั้นตอนสุดท้าย: เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วกดยืนยัน

เมื่อทำการซื้อ Mutual Insurance เรียบร้อยแล้วผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะได้ที่ด้านล่างดังนี้

การฝากและถอน

เริ่มต้นให้ผู้ใช้งานเข้าไปที่เมนู My Asset ซึ่งจะรองรับการฝากถอนเพียงแค่ 5 เหรียญเท่านั้นได้แก่ BTC, ETH, EOS, XRP และ USDT 

หากผู้ใช้งานต้องการฝากเหรียญคริปโตสามารถกดได้ที่ปุ่ม Deposite ซึ่งจะแสดงหน้าต่าง QR Code ของ Address ขึ้นมาดังภาพประกอบด้านล่าง โดยผู้ใช้งานสามารถ Scan หรือ Copy ชื่อกระเป๋าไปใส่ไว้ยังกระเป๋าปลายทาง

เมื่อทำการฝากเสร็จแล้วอาจต้องใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีในการทำธุรกรรม ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่อีเมลของท่านได้

หากผู้ใช้งานต้องการถอนเหรียญคริปโตสามารถกดได้ที่ปุ่ม Withdraw แล้วกดปุ่มสีเหลือง Add เพื่อเพิ่มที่อยู่กระเป๋าให้กับทางเว็บไซต์

จากนั้นหน้าเว็บจะย้ายผู้ใช้งานไปยังหน้าต่างให้เพิ่มที่อยู่ของ Address เมื่อกด Add แล้วจะขึ้นหน้าต่างให้เราใส่ที่อยู่ของกระเป๋าเงินปลายทางที่เราจะส่งเหรียญคริปโต

เมื่อใส่ Address ต้นทางและปลายทางเรียบร้อยแล้วให้กด Confirm แล้วกลับมาที่หน้าเดิมในการถอนเหรียญอีกครั้ง ซึ่งจะเห็นว่าเราสามารถเลือก Wallet Address ได้แล้ว จากนั้นใส่จำนวนเหรียญคริปโตแล้วกด Submit 

ขั้นตอนถัดไปเป็น Security Verification ในการยืนยัน 2FA เมื่อใส่รหัสผ่านเรียบร้อยแล้วให้รออีเมลยืนยันการถอน

หลังจากนั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการถอนเหรียญคริปโตรอรับเข้ากระเป๋าได้เลย

สรุป

การใช้งานบน Bybit มีความง่ายและสะดวกต่อการใช้งานทั้งมือเก่าและมือใหม่ อีกทั้งยังมีคู่มือและการอธิบายอย่างละเอียดในแต่ละฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่มือใหม่เป็นอย่างมาก แม้จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดแต่สามารถอ่านและเข้าใจได้ง่าย

ความเสถียรของระบบการใช้งานก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกมั่นใจในการวางออเดอร์แต่ละครั้ง ซึ่งมีความราบรื่นปกติแม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนของราคาอย่างรุนแรงก็ตาม หากย้อนไปดูตามประวัติแล้วยังไม่พบการล่มของเซิร์ฟเวอร์แม้แต่ครั้งเดียว

ยิ่งในช่วงที่ทางแพลตฟอร์มกำลังขยายกลุ่มผู้ใช้งานมายังโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีผู้สมัครใช้งานมากขึ้นแล้ว จะยิ่งมีกิจกรรมแจกเงินรางวัลฟรีให้แก่ผู้สมัครใหม่ จุดนี้ถือเป็นจุดที่ดึงดูดความสนใจสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่ผู้เขียนชอบอีกอย่างนั่นก็คือการชำระเงินด้วยเงินบาทสำหรับการซื้อเหรียญคริปโตผ่านระบบ Promptpay ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ยังไม่เชี่ยวชาญในการฝากโอนเหรียญผ่านเครือข่ายหรือใช้ Address 

โดยค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ 0.075% ถือว่าเป็นเรททั่วไป แต่การ Rebate คืนเงินให้แก่ผู้ใช้งาน 0.025% ในการตั้ง Limit order ถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์แก่ผู้เขียนเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

แต่จุดที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นฟีเจอร์ Mutual Insurance ที่สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานได้ประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเป็นฟีเจอร์ที่แรกที่เดียวที่นักลงทุนสามารถใช้งานได้บน Bybit เท่านั้น จึงทำให้เกิดความแตกต่างเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ

อย่างที่ผู้เขียนได้เรียนไปข้างต้นว่าเว็บเทรดนี้เป็นการซื้อขายสัญญาแบบล่วงหน้า (Derivatives Exchange) เพียงอย่างเดียวจึงทำให้ยังไม่มีตลาด Spot รองรับในปัจจุบันอีกทั้งจำนวนเหรียญที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มยังน้อยเกินไปซึ่งทำให้นักเทรดสาย Altcoin อาจไม่ประทับใจมากนัก ซึ่งในอนาคตอาจมีเหรียญคริปโตถูกเพิ่มเข้ามา รวมไปถึงตลาด Spot ซึ่งจะทำให้ดึงดูดนักลงทุนได้อีกมาก