<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคา Bitcoin ร่วงลงมาต่ำกว่า 60,000 ดอลลาร์ อะไรเป็นสาเหตุ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคา Bitcoin นั้นดูเหมือนว่าจะมีการปรับฐานลงมาต่ำกว่า 60,000 ดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ในวันนี้ช่วงเช้ามันได้พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 61,950 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามข้อมูลจาก On-chain นั้นเผยให้เห็นว่าเทรนด์ยังดูเป็นบวกอยู่

โดยปัจจัยพื้นฐานแรกนั้นก็คือการโอนเหรียญ stablecoin เพื่อเข้ามาฝากในเว็บกระดานซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่าอัตรา funding rate และตลาดที่มีแรงซื้อมากเกินไปจะส่งผลทำให้ตลาดเริ่มมีการปรับฐานร่วงลงมา แต่การแห่โอนเหรียญ stablecoin เข้ามาในตลาดล่าสุดนั้นทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่ามีผู้คนที่ต้องการจะช้อนซื้อ BTC และเหรียญ altcoin อื่น ๆ

ทำไมราคา Bitcoin ร่วงทะลุ 60,000 ดอลลาร์

เมื่อตอนที่ราคา Bitcoin นั้นพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่นั้น ความสนใจในตลาดจากผู้คนทั่วโลกก็เพิ่มขึ้นตามเป็นเรื่องปกติ

ซึ่งเราได้เห็นสภาพคล่องในตลาดที่สูงอย่างมาก ท่ามกลางความบ้าคลั่งนี้ ส่งผลทำให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันหรือเจ้ามือใช้โอกาสนี้ในการ take profit ของพวกเขานั่นเอง

นักวิเคราห์ตลาดชื่อดัง Filbfilb ได้ออกมาชี้ว่าอัตรา funding rate ในตลาดฟิวเจอร์ที่สูงและรวมถึงการโอนเหรียญ Bitcoin เพื่อเข้ามาฝากในตลาดนั้นมีขึ้นก่อนการร่วงลงของราคาอย่างรุนแรง

ปัจจุบันตลาดฟิวเจอร์ของ Bitcoin ส่วนใหญ่นั้นใช้ระบบที่เรียกว่า ‘funding’ เพื่อดึงดูดนักเทรดให้เข้ามา

ยกตัวอย่างเช่นหากมีผู้ซื้อมากกว่าผู้ขาย หรือมีการเปิด long มากกว่าการเปิด short นั้น ก็จะทำให้ผู้เปิด short ได้รับการจ่าย funding rate เป็นค่าตอบแทน และเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะกลับกัน หากมีผู้เปิด short มากกว่าเปิด long เป็นต้น

ก่อนที่ราคาจะร่วงลงนั้น อัตรา funding rate ของตลาด BTC Futures นั้นคงตัวอยู่ที่ระดับราว ๆ 0.05% – 0.1% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงกว่าปกติราว ๆ 5-10 เท่า โดย Filbfilb อธิบายว่า

“มีการเทขาย Bitcoin ชั่วครู่หนึ่งหลังจากที่อัตรา funding นั้นขึ้นสูง มีอัตราการโอน BTC เข้ามาในเว็บสูง และรวมถึงการปั่นราคาขึ้นในช่วงวันหยุด คาดเดาได้ว่าผู้คนคงมองว่าครั้งนี้มันแตกต่างออกไป”

การโอน Bitcoin เข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมากนั้นมักจะตามมาด้วยการเทขาย โดยเฉพาะกลุ่มเจ้ามือเป็นต้น

ดังนั้นการรวมกันระหว่างแรงเทขายที่มาจากเจ้ามือและอัตรา funding rate ในตลาด Futures ที่สูงนั้นอาจอยู่เบื้องหลังการร่วงลงของราคาในครั้งนี้ก็เป็นได้

การโอนเหรียญ Stablecoin เข้ามาในเว็บเทรดที่เยอะ ส่งผลอย่างไรต่อ Bitcoin

แต่กระนั้น แม้ว่าการพุ่งขึ้นของราคาจะหยุดลง แต่อัตราการโอน stablecoin เข้ามาในตลาดนั้นก็เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกครั้งหน่ง อ้างอิงข้อมูลจาก CryptoQuant

ในตลาดคริปโตนั้น นักเทรดมักจะทำการป้องกันความเสี่ยงของ position ของพวกเขาด้วยการขายเหรียญ Bitcoin ออกไปเป็น stablecoin อย่างเช่น USDT หรือ USDC แทนที่จะถอนเงินออกไปบัญชีธนาคาร

เว็บเทรดคริปโตหลาย ๆ แห่งนอกไทยนั้นมักจะใช้เวลา 3-7 วันในการประมวลผลการโอนเงินจากเว็บเข้าบัญชีของผู้ใช้งาน และเมื่อไรก็ตามที่นักเทรดนั้นต้องการจะกลับเข้าไปในตลาดใหม่ การโอนเงินกลับเข้าไปในเว็บนั้นถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากอย่างมาก

ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกใช้ stablecoin แทน และเหรียญเหล่านี้ก็เริ่มที่จะไหลกลับเขาไปในเว็บกระดานเทรดอีกครั้งหนึ่ง ตามที่เราได้เห็นในกราฟด้านบน ตรงเส้นสีเขียว บ่งบอกว่านักลงทุนเหล่านี้อาจโอนเหรียญเข้ามาเพื่อช้อนซื้อ Bitcoin ก็เป็นได้

นา Ki Young Ju หรือ CEO ของ CryptoQuant กล่าวว่า

“ก่อนหน้านี้มีอัตราการไหลเข้ามาของ stablecoin ไปสู่เว็บกระดานเทรดที่ค่อนข้างถี่อย่างมาก ราว ๆ 100-287 stablecoin ต่อ 1 บล็อกของ Ethereum (15 วินาที) ผมคิดว่าพวกเราอาจจะได้เห็นแรงซื้อเข้าไปในตลาด BTC หรือ ETH ในระยะสั้น ๆ”

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปในช่วงการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ก็คือการไหลเข้ามาของ stablecoin ในตลาด

เมื่อใดก็ตามที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นแต่ไม่มีอัตราการไหลเข้ามาของ stablecoin ที่สูงขึ้นตามนั้น มันมักจะเผยให้เห็นถึงขาขึ้นที่มักจะอยู่ได้ไม่นาน

ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าเมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มทีจะโอนเหรียญของพวกเขากลับเข้ามาในตลาดกันอย่างคับคั่ง อะไรจะเกิดขึ้น?

ที่มา Cointelegraph