<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สหภาพยุโรปจะเลือกใช้ Stellar (XLM) เพื่อออกเหรียญคริปโตเป็นของตัวเองหรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จากโพสต์กระทู้บนเว็บบอร์ด Reddit ของชุมชน Stellar ล่าสุดนั้น ผู้ใช้เริ่มมีการพูดถึงพัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ของสหภาพยุโรปแล้ว โดยอ้างอิงถึงคำแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรปนาง Christine Lagarde เกี่ยวกับการตัดสินใจของโครงการนำร่องที่จะเกิดขึ้นภายในช่วงกลางปีนี้

ประธานของ ECB เปิดเผยว่า พวกเขากำลังเตรียมเผยแพร่การวิเคราะห์กระบวนการให้คำปรึกษาสาธารณะที่จัดทำขึ้นสำหรับโครงการ และส่งผลลัพธ์เหล่านี้ไปยังรัฐสภายุโรปเพื่อขออนุญาตเปิดตัวโปรเจกต์นำร่องของ CBDC

นาง Lagarde คาดการณ์ว่า การประเมินเหล่านี้จะใช้เวลาระหว่าง 6 เดือนถึง 1 ปี โดยรวมแล้วการสำรวจและปรับใช้สกุลเงินยูโรดิจิทัลอาจใช้เวลานานถึง 4 ปี :

“เนื่องจากมันเป็นความพยายามทางเทคนิคและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นเราจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเราทำถูกต้องแล้วจริง ๆ เราเป็นหนี้ชาวยุโรป พวกเขาควรได้รับความรู้สึกปลอดภัย พวกเขาจำเป็นต้องรู้ว่าพวกเขาถือสิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลาง ซึ่งเทียบเท่ากับธนบัตรดิจิทัลที่มีความปลอดภัยในระดับเดียวกันและเราต้องแน่ใจว่าเราจะไม่ทำลายระบบใด ๆ ที่นอกเหนือไปจากการปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น”

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Stellar อาจถูกใช้เป็นตัวช่วยในการออกสกุลเงินยูโรดิจิทัล

นาง Lagarde กล่าวเน้นย้ำว่า “ตัวกลาง” ที่ขึ้นอยู่กับระบบการเงินในปัจจุบันนั้นจะต้องอยู่ร่วมกันกับ CBDC ได้ ด้วยการสร้างระบบการชำระเงินที่ดีขึ้นมั่นคง, ปลอดภัย และช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับชาวยุโรป

“พวกเขาจะไม่ทำให้ระบบการเงินในปัจจุบันเป็นความลับอีกต่อไป ความลับของระบบการเงินในปัจจุบันนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดและเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครเชื่อถือนายธนาคาร ดังนั้นสกุลเงินจะต้องเป็นรูปแบบสาธารณูปโภคที่ทุกคนไว้วางใจ”

ในขณะเดียวกันผู้ใช้รายหนึ่งมองว่า Stellar Lumens ดูเหมือนจะตรงตามข้อกำหนดที่ Lagarde กล่าวอธิบาย โดยเขาได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสามารถในการชำระธุรกรรมการโอนเงินข้ามพรมแดนและความสามารถในการแลกเปลี่ยนของโปรเจ็กต์

อย่างไรก็ตามสถาบันการเงินยังไม่ได้มีการกำหนดว่า สกุลเงินยูโรดิจิทัลจะสามารถ “ทำงานร่วมกับ CBDC อื่น ๆ หรือแปลงไปเป็นสกุลเงินดิจิทัลบน Stellar Lumens, Ethereum รวมถึงเครือข่ายบล็อกเชนอื่น ๆ ได้หรือไม่ ซึ่งเราก็คงต้องติดตามรอดูกันต่อไป

ที่มา : newsbtc