<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

4 เหตุผลที่ทำให้นักเทรดคริปโตอาจไม่ต้องกังวลมากไปเกี่ยวกับตลาด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้วที่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Bitcoin มีการเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ $40,000 ซึ่งครั้งล่าสุดที่ราคาของ Bitcoin เคลื่อนไหวในระดับราคานี้ ต้องย้อนกลับไปในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์กันเลยทีเดียว

โดยปัจจุบันราคาของเหรียญ Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ $38,000 ร่วงลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลเดิมที่ระดับ $64,000 ในช่วงกลางเดือนเมษายนมาแล้วกว่า 40% ทำให้เหล่านักเทรดต่างพากันวิตก บ้างก็ปิดตาไม่รับรู้อะไร บ้างก็ Panic Sell กลัวว่านี่อาจจะเป็นจุดจบเสียแล้ว

ในวันนี้ทาง Siam Blockchain จะพาไปสำรวจ 4 เหตุผลที่อาจส่งผลให้ตลาดคริปโตกลับมาสดใสอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดของตลาดรวมไปถึงนักเทรดคริปโต

กองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก “BlackRock” เริ่มศึกษาคริปโตแล้ว

ในปีนี้เราเริ่มเห็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากนักลงทุนสถาบันและบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกกระโดดเข้าสู่ตลาดคริปโตกันมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น Grayscale, กองทุน Ark หรือบริษัท Tesla ก็ตาม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเม็ดเงินเหล่านี้มีส่วนช่วยให้ตลาดคริปโตเติบโตเป็นอย่างมาก

ล่าสุดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง BlackRock ที่บริหารเงินลงทุนอยู่ราว ๆ 9 ล้านล้านดอลลาร์ ได้เริ่มเปิดใจศึกษาคริปโตแล้ว โดย Larry Fink ผู้บริหารระดับสูงของ BlackRock กล่าวว่า

“ทางบริษัทของเรากำลังศึกษาการลงทุนในโลกของ Cryptocurrency ว่ามันจะมาเป็นสินทรัพย์ในกองทุนได้หรือไม่ ถึงแม้ว่ามันจะมีความผันผวนสูงมากก็ตาม”

อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ BlackRock ต้องประเมินอย่างถี่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมาย ความผันผวนของราคา รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานและการใช้งาน แต่นี่ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีที่จะมีผู้เล่นยักษ์ใหญ่ระดับโลกเข้ามายังตลาดคริปโตเพิ่มมากขึ้น

ก็ต้องรอติดตามกันต่อว่าจะมีประกาศความคืบหน้าจากทาง BlackRock อย่างไร ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ากองทุนระดับโลกแห่งนี้ได้เข้าซื้อ Bitcoin ไปแล้วหรือไม่ หรือเป็นเพียงการส่งสัญญาณบางอย่าง นักลงทุนควรจับตามองอย่างไม่คลาดสายตา

BlackRock-CIO-Bitcoin-Will-Replace-Gold-Because-it-is-So-Much-More-Functional  - Siam Blockchain

บริษัท Apple รับสมัครพนักงานที่เชี่ยวชาญในตลาดคริปโตหลายตำแหน่ง

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวอย่างหนาหูเกี่ยวกับบริษัท Apple ในการซื้อ Bitcoin ภายหลังจากที่บริษัท Tesla ได้แบ่งเงินสดมาเข้าถือครอง Bitcoin ซึ่งทำให้สาวกทั้งหลายคาดการณ์ว่าบริษัทถัดไปนั้นอาจจะเป็น Apple 

อย่างไรก็ตามชาวคริปโตเนียนก็ได้ผิดหวังไปตาม ๆ กันเนื่องจากการยื่นรายงานต่อก.ล.ต.สหรัฐฯ ของ Apple นั้นไม่มีเรื่องราวของ Bitcoin อยู่แม้แต่น้อย แต่ล่าสุดบริษัทได้ประกาศรับสมัครพนักงานที่มีประสบการณ์ในตลาด Cryptocurrency มากกว่า 5 ปีขึ้นไปเพื่อมาดูแลและพัฒนาระบบการรับชำระเงิน

สิ่งนี้อาจบ่งชี้ได้ว่าบริษัท Apple กำลังก้าวเข้ามาใกล้กับตลาด Cryptocurrency มากขึ้น ซึ่งไม่ว่า Apple จะเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดเองหรือไม่ หรือเพียงแค่ต้องการนำ Cryptocurrency มาใช้ในธุรกิจ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตลาดแห่งนี้ได้ดึงดูดความสนใจจากบริษัทที่มีเม็ดเงินหนาเป็นอย่างมาก

ถึงอย่างนั้น CEO ใหญ่อย่าง Tim Cook ก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจสกุลเงินดิจิทัลเท่าไหร่นัก โดยก่อนหน้านี้เขามีท่าทีที่ไม่สู้ดีกับคริปโต แต่เมื่อคู่แข่งอย่าง Square หรือ PayPal ได้มุ่งหน้าเข้ามามีส่วนร่วมในวงการนี้แล้ว ไม่แน่ Apple อาจจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปรับตัวให้ทันคู่แข่ง

ARK Investment ประกาศซื้อ Bitcoin พร้อมเชื่อไม่มีใครหยุดมันได้

ในวันเดียวกันกับที่ Ray Dalio นักลงทุนชื่อดังระดับโลกประกาศว่าเขาได้ถือครอง Bitcoin แล้ว นาง Cathie Wood ผู้ก่อตั้งกองทุน ARK Invest ก็ได้กล่าวว่า

“Bitcoin นั้นได้เกิดขึ้นและเดินบนเส้นทางของตัวมันเองมาตลอด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมาหยุดมัน”

ซึ่งเธอมั่นใจมากว่าระบบของ Bitcoin นั้นไม่อาจถูกหยุดลงได้จากการแบนของแต่ละประเทศตามที่มีข่าวออกมาเป็นระยะ อีกทั้งเธอยังเชื่อว่ามูลค่าของ Bitcoin จะพุ่งไปสูงถึง $500,000 หากเม็ดเงินของนักลงทุนสถาบันและบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกเข้ามายังตลาดมากกว่านี้

นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า ARK Invest ของนาง Kathie ได้เข้าซื้อ Bitcoin เป็นมูลค่ากว่า 600 ล้านบาทอีกด้วย 

Ark Invest's flagship fund sinks to lowest level since November | Financial  Times

เงินล้นโลก สหรัฐฯ เตรียมงบ 6 ล้านล้านดอลลาร์ใช้จ่ายในประเทศปี 2022

รัฐบาลของ Joe Biden เตรียมเสนองบประมาณใช้จ่ายในประเทศสูงถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2022 อันเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มาพร้อมกับ Covid-19 ทำให้นักวิชาการคาดการณ์กันว่าเม็ดเงินมหาศาลนี้จะทำให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง

โดยสหรัฐฯ ในรัฐบาลยุคของ Joe Biden เพิ่งอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเข้าสู่ระบบ ทำให้เม็ดเงินบางส่วนนี้ไหลเข้าสู่ตลาดการลงทุนเป็นแรงซื้อชั้นเยี่ยมที่ขับเคลื่อนตลาดไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวทำ All Time High ในช่วงต้นปี

หรือตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่มีเม็ดเงินไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมพุ่งไปแตะจุดสูงสุดถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ นับเป็นการเติบโตของตลาดแห่งนี้เป็นอย่างมาก

และหากนโยบายการใช้จ่ายในประเทศด้วยงบ 6 ล้านล้านดอลลาร์ถูกอนุมัติ จะเป็นงบประมาณที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 คาดการณ์กันว่าตลาดการลงทุนคงพร้อมรับมือสำหรับเม็ดเงินจำนวนดังกล่าวไว้แล้ว

นี่เป็นเพียงเหตุการณ์บางส่วนที่ส่งผลต่อตลาดคริปโต ยังมีปัจจัยพื้นฐานอีกมากมายที่สำคัญต่อตลาดแห่งนี้ ด้วยมูลค่าตลาดปัจจุบันที่สูงถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ตลาดแห่งนี้กลายเป็นส่วนสำคัญในระบบการเงินโลกเรียบร้อยแล้ว