ตามรายงานจาก Reuters กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF วางแผนที่จะเพิ่มการตรวจสอบสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยให้รายละเอียดว่าองค์กรมีแผนการจะจัดการการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนและกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นี้ไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างไร
“นวัตกรรมทางเทคโนโลยีกำลังนำไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่ของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างรวดเร็ว การชำระเงินที่ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ถูกลง เข้าถึงได้มากขึ้น และข้ามพรมแดนที่เร็วกว่าเดิม การเปลี่ยนแปลงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสรุปแล้ว มีประโยชน์สำหรับทุกคน”
อย่างไรก็ตามการดำเนินการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ กองทุน IMF สามารถก้าวทันความท้าทายด้านนโยบาย ซึ่งจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างลึกซึ้งสำหรับความคาดหวังดังกล่าว โดยองค์กรวางแผนที่จะร่วมมือกับสถาบันต่าง ๆ อย่างธนาคารกลาง หน่วยงานกำกับดูแล และธนาคารโลก พร้อมกับขยายการวิจัยเงินดิจิทัลของตัวเอง
ตามรายงานที่เปิดเผยเมื่อเดือนเมษายน 2021 กองทุนการเงินระหว่างประเทศวางแผนที่จะเพิ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อดำเนินการวิจัยอย่างเหมาะสม ซึ่งประกอบไปด้วยนักกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญความเสี่ยงด้านดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน นักเศรษฐศาสตร์การคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล ซึ่งครอบคลุมการวิจัยในอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลอย่างครบถ้วน
โดย IMF ตั้งใจจะศึกษาทั้งสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางหรือ CBDC, Stablecoins และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ว่าสินทรัพย์เหล่านี้แสดงถึงความเป็นอิสระทางการเงินอย่างไร และสามารถทำหน้าที่เป็นสกุลเงินสำรอง หรือแทนที่ระบบการชำระเงินปัจจุบันได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเมื่อต้นสัปดาห์ IMF ได้ประกาศเตือนเกี่ยวกับกฎหมายบิทคอยน์ของเอลซัลวาดอร์ แม้จะไม่ได้กล่าวถึงประเทศเอลซัลวาดอร์โดยตรง ซึ่งระบุว่าการให้สถานะเป็นสกุลเงินกับคริปโตเคอร์เรนซี อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงต้องใช้เวลาในการให้ข้อมูลกับประชาชนในการเลือกสกุลเงินที่จะถือ
ในทางกลับกันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา IMF ได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุน CBDC ว่าจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของโลกได้