<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO ของ Microstratgy ชี้ Apple อาจลงทุนใน Bitcoin ด้วยกลยุทธ์นี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับนาย Dan Weiskopf หัวหน้านักวิเคราะห์ของ ETFThinkTank นาย Michael Saylor CEO ของ Microstratgy ได้พูดถึงศักยภาพของ Apple ในการเป็น “ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดและทำกำไรได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ” ด้วยการใช้กลยุทธ์ของ Bitcoin

แม้ว่าปัจจุบัน Apple จะยังไม่ได้มีการออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนใน Bitcoin แต่ในปี 2019 นาง Jennifer Bailey รองประธานของ Apple Pay ได้กล่าวอ้างว่า Apple กำลังจับตาดู “ คริปโตเคอเรนซี” อยู่ห่าง ๆ  เนื่องจากความ “น่าสนใจ” และ “ศักยภาพในระยะยาว” ของมัน

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ Saylor ได้อธิบายถึงแนวความคิดของเขาว่า Apple นั้นจะสามารถยอมรับ Bitcoin ได้อย่างไร 

โดย Saylor มองว่าในอนาคตบริษัทที่มีเงินทุนเป็นจำนวนมหาศาลจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้โดยการซื้อ Bitcoin

“หาก Apple, Google และ Facebook ซื้อ Bitcoin เพื่อใช้เป็นงบดุลของบริษัทพวกเขาจะสามารถปรับปรุงธุรกิจได้ หากเอลซัลวาดอร์ คิวบา ตุรกี ญี่ปุ่น รัสเซีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือฝรั่งเศสซื้อ Bitcoin พวกเขาก็จะสามารถแก้ไขปัญหางบดุลของประเทศได้เช่นเดียวกัน”

นี่ถือเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจ เมื่อเรามองดูอัตราการยอมรับคริปโตของการวิจัยล่าสุดที่พบว่า จำนวนผู้ใช้ crypto ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 100 ล้านคนในเดือนมกราคม 2021 มาเป็น 221 ล้านคนในเดือนมิถุนายน 2021 

พร้อมกันนี้ Saylor ยังกล่าวด้วยว่า iCloud สามารถทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในด้านการชำระเงินในอนาคตได้

“ตอนนี้มีอะไรอยู่ใน iCloud ? วิดีโอ ภาพถ่ายของคุณ เอกสาร และข้อมูลการสื่อสารของคุณ และอะไรที่ไม่ได้อยู่ใน iCloud ตอนนี้? เงินของคุณ ดังนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเงิน อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ พันธบัตร หลักทรัพย์เก็บไว้ใน iCloud หรือใน Facebook”

Saylor เรียกมันว่า “คลื่นลูกใหญ่ระลอกถัดไป” โดยเขาอ้างว่ายักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Facebook และ Square จะสามารถใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ได้ 

“หากผู้ใช้ 100 ล้านคนเก็บเงิน 10,000 ดอลลาร์ไว้ใน iCloud คุณก็จะกลายเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดและทำกำไรได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติใช่หรือไหม”

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน Apple ยังไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของ crypto หรือ Bitcoin มากนัก ซึ่งนั้นอาจเป็นเพราะท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล เมื่อ Facebook ได้ทำการเปิดตัวเหรียญ Stable coin เป็นของตัวเอง