อย่างที่ทราบกันดีว่าเหตุการณ์ Bitcoin Halving ในแต่ละครั้งมักจะเป็นชนวนที่ทำให้เกิด “ขาขึ้นครั้งใหญ่” ของตลาดคริปโตในปีถัดไป ดังเช่นในปี 2013, 2017 และปัจจุบันในปี 2021 ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูในรอบขาขึ้นครั้งก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นในปี 2017 มันได้ส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ระดับ $20,000 อย่างที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง
อย่างไรก็ตาม Bitcoin Halving ในครั้งที่ 3 หรือรอบล่าสุดที่เกิดขึ้นในปี 2020 และก่อให้เกิดขาขึ้นครั้งใหญ่ตามมาในปี 2021 นั้น ราคา Bitcoin ดูเหมือนจะยัง Perform ไม่โดดเด่นเท่าในปี 2017 มากเท่าไหร่นัก โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ระดับ $56,000 เท่านั้น ในบทความนี้จะพาไปย้อนดูเหตุการณ์ทั้งสอง เปรียบเทียบผลตอบแทนของ Bitcoin และหาคำตอบว่าปัจจุบันเราอยู่จุดใดในขาขึ้นครั้งนี้แล้ว
2017 VS 2021 ความเหมือนที่แตกต่าง
เหตุการณ์ Bitcoin Halving ในครั้งที่ 2 นี้เกิดขึ้นในวันที่ 9 กรกฎาคม 2016 ซึ่งในขณะนั้นราคา Bitcoin อยู่ที่ระดับ $650 เพียงเท่านั้น อ้างอิงจากกราฟราคา BTC/USD โดย TradingView ด้านล่าง จะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดการ Halving ของ Bitcoin เรียบร้อยแล้วราคาของมันเริ่มไต่ระดับพุ่งขึ้นอย่างทันทีจาก $650 สู่ $1,100 ในปลายเดือนธันวาคม 2016 คิดเป็นเปอร์เซ็นกว่า 80% ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนี่ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของ Bitcoin เท่านั้น เมื่อขาขึ้นครั้งใหญ่ของจริงมาถึงในปี 2017 ราคายังคงไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ จาก $1,100 สู่ $3,000 ในเดือนมิถุนายน จากนั้นไปต่อที่ $7,000 ในเดือนพฤศจิกายน และพีคสุดในเดือนธันวาคมที่ระดับ $20,000 ดังรูปประกอบด้านล่าง
โดยสรุปเหตุการณ์ Bitcoin Halving ในครั้งที่ 2 และขาขึ้นในปี 2017 ได้ส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นมาจาก $650 สู่ $20,000 หรือกว่า 3100% ในระยะเวลา 1 ปีเศษนับจากเหตุการณ์ Halving อย่างไรก็ตามสภาพตลาดหลังจากนั้นได้กลายเป็นขาลงซบเซาอย่างรุนแรงและยาวนาน กินระยะเวลานับปีก่อนที่จะเกิด Bitcoin Halving และขาขึ้นครั้งต่อไป
ซึ่งเมื่อนำเหตุการณ์ในครั้งก่อนมาเทียบกับรอบขาขึ้นในปัจจุบันแล้ว ดูเหมือนว่าการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ในรอบนี้จะยังไม่โดดเด่นเท่ากับปี 2017 มากนักโดยอ้างอิงกราฟราคาจาก TradingView ดังเดิม เมื่อ Bitcoin Halving ในครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อ 11 พฤษภาคม 2020 ขณะนั้นราคา Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ $9,300
เมื่อเสร็จสิ้นเหตุการณ์การลดรางวัลจากการขุด (Halving) แล้ว ราคา Bitcoin และตลาดคริปโตโดยรวมก็เริ่มตอบสนองทันที ไต่ระดับจาก $9,300 ทะลุ All Time High เก่าที่ $20,000 ตลอดจนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $64,000 ในเดือนเมษายน 2021 แม้ว่าในปัจจุบันราคาจะร่วงลงเล็กน้อยจากจุดสูงสุดตลอดกาลก็ตาม
หากคิดเป็นเปอร์เซ็นของราคา Bitcoin นับจากการ Halving ครั้งที่ 3 จนถึงจุดสูงสุดในปัจจุบัน คิดเป็นการพุ่งขึ้นเพียง 590% เท่านั้น จึงทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่านี่อาจจะยังไม่ใช่จุดพีคที่แท้จริงของราคา Bitcoin และมันอาจจะสามารถไปต่อได้เรื่อย ๆ อย่างในช่วงปลายปี 2017
เปรียบเทียบผลตอบแทนของปี 2017 และ 2021
สรุปแล้วในปี 2017 ราคา Bitcoin มีการพุ่งขึ้นกว่า 3100% นับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ Bitcoin Halving และขาขึ้นได้จบลงในช่วงปลายปี 2017 พอดี
ส่วนในปัจจุบันปี 2021 ราคา Bitcoin มีการพุ่งขึ้นเพียงแค่ 590% นับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ Bitcoin Halving และขาขึ้นจะยังดำเนินต่อไปหรือไม่หรืออาจจะจบลงในปลายปีนี้ ไม่อาจมีใครทราบได้เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เม็ดเงินที่เข้ามายังตลาดคริปโตก็เพิ่มมากขึ้น แต่ที่แน่ ๆ การปรับตัวของราคา Bitcoin ในปีนี้ยังเทียบไม่ได้กับในปี 2017
ปัจจุบันราคา Bitcoin เดินทางมาถึงจุดไหนแล้วเมื่อเทียบกับปี 2017?
เมื่อเทียบกับปี 2017 ที่เป็นขาขึ้นและจุดพีคในเดือนธันวาคมนั้น อาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันในขณะที่เขียนบทความนี้ (ตุลาคม) เราเดินทางมา “ใกล้” จะถึงจุดพีคอย่างในปี 2017 แล้วก็เป็นได้ ซึ่งความน่าจะเป็นนี้ก็สอดคล้องกับ Model ทำนายราคาชื่อดังของ PlanB อย่าง S2F ที่มีการคาดการณ์ว่าราคา “กรณีเลวร้ายที่สุดของราคา Bitcoin ในเดือนธันวาคมจะอยู่ที่ระดับ $135,000”
ซึ่งในเดือนธันวาคมเรียกได้ว่าเป็นเดือนที่มีการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของราคา Bitcoin ในปี 2017 จึงทำให้นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าในปี 2021 นี้อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับปี 2017 แต่อย่างไรก็ตามหากเทียบผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นแล้ว เรียกได้ว่าการพุ่งขึ้นในปีนี้ยังเทียบไม่ได้กับการพุ่งขึ้นในปี 2017 ที่คิดเป็นเปอร์เซ็นกว่า 3100% ทั้งนี้อาจเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างออกไป การเติบโตขึ้นของตลาด และความผันผวนที่ลดลงเป็นต้น
Altcoin และเหรียญคริปโตชั้นนำอื่น ๆ เป็นอย่างไร?
ทีนี้เรามามองถึง Altcoin ชั้นนำอื่น ๆ กันบ้างที่ในปี 2017 ก็มีการปรับตัวของราคาอย่างโดดเด่นไม่แพ้ Bitcoin แต่ในปัจจุบันเหรียญเหล่านั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นขนาดไหน?
Ethereum (ETH)
Ethereum ยังคงเหนียวแน่นในการเป็นเหรียญ Altcoin เบอร์ 1 ที่ยึดอันดับที่ 2 มูลค่าตลาดโดยรวมบน Coinmarketcap โดยในปี 2017 ETH ได้มีการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของระดับราคาจากต้นปีที่ 10$ สู่ จุดสูงสุดที่ $1,400 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 15000% ส่วนในปีนี้มีการเติบโตขึ้นกว่า 470%
Binance Coin BNB
BNB เริ่มต้นการเปิดตัว ICO ด้วยมูลค่าของเหรียญที่ $0.1 เท่านั้นในปี 2017 ก่อนที่มูลค่าของมันจะไปแตะจุดสูงสุดที่ $26.5 ในรอบขาขึ้นครั้งนี้คิดเป็นเปอร์เซ็นการเติบโตกว่า 118000% ส่วนในปี 2021 นี้ หากนับจากต้นปีแล้ว BNB ก็ได้เห็นการเติบโตอีกกว่า 2000% เลยทีเดียว
Ripple (XRP)
เหรียญ XRP ในปีนี้ก็ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจไม่แพ้เหรียญคริปโตตัวอื่น แต่เมื่อย้อนกลับไปดูในปี 2017 แล้วจะพบว่า จากต้นปี 2017 สู่จุดสูงสุดของขาขึ้นครั้งนั้น XRP ได้ให้ผลตอบแทนที่ 52000% ทำ All Time High ที่ระดับ $3 ซึ่งในปัจจุบัน 2021 เหรียญ XRP ยังคงเป็นเหรียญเดียวใน Top Marketcap ที่ยังไม่สามารถขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมได้ ทั้งนี้อาจจะด้วยคดีความกับทางก.ล.ต.สหรัฐฯ และปัจจัยอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม XRP ยังคงให้ผลตอบแทนกว่า 500% นับจากต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบัน
นี่เป็นเพียงสถิติในอดีตที่เกิดขึ้นกับบรรดาเหรียญคริปโต ผลตอบแทนในอดีตมิได้การรันตีผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเม็ดเงินจากสถาบันการลงทุนที่เข้ามามากมาย การพัฒนาโปรเจกต์อย่างต่อเนื่อง ความผันผวนที่ลดน้อยลง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การเพิ่มขึ้นมูลค่าของเหรียญคริปโตเปลี่ยนไป
บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลอ้างอิงกราฟราคาในอดีต ทั้งนี้นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการลงทุน เพื่อความปลอดภัยของท่านควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หากเกิดความเสียหายใดทาง Siam Blockchain จะไม่รับผิดชอบไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น