กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกากำลังวางแผนที่จะขาย cryptocurrency มูลค่า 56 ล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ยึดได้จากการหลอกลวงของ Bitconnect
ในการแถลงข่าวล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่ารายได้จากการขายในส่วนแรกจะชดเชยให้กับนักลงทุนที่ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงในสหรัฐอเมริกาและผู้เสียหายอีกกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก
การชดเชยดังกล่าวเป็นผลมาจากผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานอัยการสหรัฐฯ ในเขตทางใต้ของแคลิฟอร์เนียขายสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกยึดมาได้จากการกู้คืนการฉ้อโกง cryptocurrency ครั้งใหญ่
“ศาลมีคำสั่งให้ขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยรัฐบาลจะเริ่มกระบวนการหาเหยื่อทั้งหมดของโครงการ Bitconnect พร้อมทั้งขายสินทรัพย์ดิจิทัลและเปลี่ยนมาถือเป็นดอลลาร์ ทั้งนี้รัฐบาลจะดูแลเงินที่ยึดมาได้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลและคืนเงินเหล่านี้ให้กับผู้เสียหายตามคำสั่งชดใช้ในการพิจารณาของศาลในอนาคต”
หากใครสงสัย cryptocurrency ที่จะนำมาขายสู่ตลาดคริปโตนั้นถูกยึดมาจาก Glenn Arcaro โปรโมเตอร์ของ BitConnect โดยสินทรัพย์ที่ถูกกู้คืนจากกระเป๋าเงิน 20 แห่งนั้นได้รับเงินมากกว่า 24 ล้านดอลลาร์รวมค่าธรรมเนียมและการชำระเงินอื่น ๆ
หลังจากการสารภาพผิด Arcaro มีคำตัดสินให้จำคุกในวันที่ 7 มกราคม 2022 และต้องโทษจำคุกเป็นระยะเวลาสูงสุด 10 ปี
การหลอกลวงในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงขาขึ้นของ Bitcoin ในปี 2017 โดยบริษัท Bitconnect ได้อ้างถึงการใช้บอทซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลพร้อมมอบผลตอบแทน 40% ต่อเดือน ซึ่งคล้ายกับ Ponzi scheme หรือการฉ้อฉลแบบพอนซี
ในเดือนกันยายนปีเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ฟ้องร้องต่อผู้ก่อตั้ง Bitconnect โดยระบุว่าบริษัทดังกล่าวเป็นองค์กรที่ไม่ได้จดทะเบียนบริษัทสี่แห่งในสหราชอาณาจักร ซึ่งในปัจจุบันบริษัทดังกล่าวได้เลิกกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามได้มีผู้สร้าง Bitconnect NFT ที่จะถูกประมูลบนแพลตฟอร์ม OpenSea ที่ 0.55 ETH โดยเป็นมีมของ Carlos Matos นักลงทุนชื่อดังของ BitConnect ที่เป็นเสียงที่ Carlos ได้ตะโกนไว้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2017 ซึ่งเป็นการจัดพิธีประจำปีครั้งแรก (และครั้งเดียว) ของ Bitconnect ที่พัทยา ประเทศไทย ก่อนที่โครงการ NFT จะปิดตัวลง โดยขนานนามว่า ‘Bitconeeeect’