<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้สร้าง ChatGPT กล่าวว่า “ที่ต้องสแกนม่านตาทุกคนบนโลก” ก็เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างคนกับ AI

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Sam Altman ผู้ก่อตั้ง ChatGPT กลัวว่า ในอนาคตอาจไม่มีใครสามารถบอกความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับ AI ได้ ในขณะที่อาชญากรสามารถใช้ AI ที่มีลักษณะเป็นหุ่นจำลองของมนุษย์แบบเหมือนจริงเพื่อขโมยเงินและคุกคามชีวิตของผู้คน ดังนั้นเขาจึงต้องการสแกนม่านตาทุกคนบนโลก เพื่อช่วยให้สามารถแยกแยะระหว่างคนจริง ๆ และเครื่องจักรที่ซับซ้อน รวมทั้งป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวบุคคล

Altman ต้องการจะใช้ข้อมูลประจำตัวบุคคลเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกที่ปลอดภัย ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า WorldCoin โดย Altman อธิบายว่า ทุกคนจะสามารถยืนยันได้ทันทีว่าข้อมูล WorldCoin เป็นของจริง ทั้งนี้ Altman ได้ยืนยันว่าการสแกนข้อมูลประจำตัวบุคคลจำนวนมากเป็นสิ่งสำคัญในการตอบโต้ภัยคุกคามด้านปัญญาประดิษฐ์

หลายคนคงทราบกันดีว่า ม่านตาของมนุษย์ทุกคนจะมีเอกลักษณ์โดยเฉพาะเช่นเดียวกับลายนิ้วมือ ดังนั้น Altman จึงตั้งเป้าที่จะสแกนม่านตาของคนนับพันล้านโดยใช้เครื่องมือทรงกลมขนาดเท่าลูกฟุตบอล ซึ่งสามารถสร้างบันทึกข้อมูลดิจิทัลแบบไม่เหมือนใคร โดยเครื่องมือดังกล่าวถูกเรียกว่า “Orbs” และเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ World ID หรือ “พิสูจน์ตัวตน”

“WorldCoin สามารถเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างมาก เพราะมันคือโซลูชันที่เชื่อถือได้สำหรับการแยกแยะมนุษย์ออกจาก AI บนช่องทางออนไลน์ ในขณะที่รักษาความเป็นส่วนตัว” Altman กล่าว

Altman วางแผนจะเปิดตัวเครื่องมือสแกนม่านตาอย่าง Orbs กว่า 1,500 ชิ้นทั่วโลก และจนถึงขณะนี้ก็มีผู้คนมากกว่า 2 ล้านคนใน 33 ประเทศที่ได้รับการบันทึกข้อมูลม่านตาลงบนฐานข้อมูลแล้ว โดยส่วนใหญ่คือชาวยุโรป อินเดีย และแอฟริกาใต้ ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมการสแกนม่านตาในโปรเจกต์นี้จะได้รับเหรียญดิจิทัลเป็นการแลกเปลี่ยน

WorldCoin เคลมว่า ระบบนี้สามารถปูทางไปสู่รายได้ขั้นพื้นฐานสากลอย่าง “AI-funded” ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้ตรวจสอบได้ว่าพลเมืองทุกคนจะได้รับเงินเดือนตามที่กำหนดโดยไม่คำนึงถึงรายได้ของพวกเขา แต่ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวหลายคนก็ได้ออกมาเตือนว่า ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างข้อมูลม่านตาของใครบางคนอาจตกไปอยู่ในมือของอาชญากร

เมื่อไม่นานมานี้ Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้เป็นอีกคนหนึ่งแสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์ดังกล่าว

“โดยรวมแล้ว แม้จะรู้สึก ‘dystopian vibez’ ตอนจ้องมองเข้าไปใน Orb และปล่อยให้มันสแกนลึกเข้าไปในดวงตาของคุณ แต่ดูเหมือนระบบฮาร์ดแวร์พิเศษนี้จะสามารถทำหน้าที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวได้ค่อนข้างดี” Buterin กล่าว

ที่มา: dailystar