เมื่อวันจันทร์ กรมบริการทางการเงินของนิวยอร์ก (NYDFS) ได้ประกาศปรับปรุงกฎระเบียบการกำกับดูแลสกุลเงินเสมือนจริง (virtual currency oversight regime) รวมถึงเกณฑ์ใหม่สำหรับวิธีการที่บริษัทดิจิทัลจะได้รับอนุญาตจากหน่วยงานจึงจะสามารถลิสต์เหรียญคริปโตที่แตกต่างกันได้
ในส่วนของการปรับปรุง NYDFS ได้มีการลบโทเค็นมากกว่า 24 เหรียญ ออกจาก greenlist ของโทเค็นที่ได้รับอนุมัติ รวมถึง Ripple, Dogecoin และ Litecoin แต่โทเค็น 8 เหรียญที่ยังคงอยู่ในรายการได้แก่ Bitcoin, Ether, และเหรียญ Stable Coin ตัวใหม่ PayPal Dollar
ในขณะที่สภาคองเกรส เดินหน้าควบคุมกฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโต NYDFS ก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะผู้กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำจากโปรแกรม BitLicense และโปรเจกต์สกุลเงินเสมือน ซึ่งท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการทำงานในการออกใบอนุญาตที่ยุ่งยาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงแนวทางของ NYDFS ในการควบคุมคริปโต ขณะที่หน่วยงานของรัฐและรัฐบาลกลางอื่น ๆ เลือกที่จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย
NYDFS ได้สร้าง greenlist ให้เป็นส่วนหนึ่งของการกำกับดูแล crypto โดยบริษัทที่ได้รับอนุญาตจาก NYDFS ผ่านโปรแกรมสกุลเงินเสมือนจะสามารถดูแลรับฝากและลิสต์เหรียญผ่านระบบการรับรองด้วยตนเอง ซึ่งช่วยให้กระบวนการง่ายขึ้น แต่ยังคงให้ NYDFS มีบทบาทในการกำกับดูแล เนื่องจากบริษัทต้องแจ้งให้ NYDFS ทราบ
เมื่อทั้งสองบริษัทได้รับรองโทเค็นด้วยตนเองสำหรับการดูแลรับฝากและลิสต์เหรียญแล้ว สกุลเงินดิจิทัลนั้นจะถูกรวมไว้ใน Greenlist ของ NYDFS ซึ่งหมายความว่า โทเค็นจะได้รับการอนุมัติสำหรับบริการดูแลรับฝากและลิสต์เหรียญ
ตามรายงานในเดือนสิงหาคมที่แชร์กับ Fortune ก่อนหน้านี้ greenlist มีโทเค็น 25 รายการที่ได้รับการอนุมัติสำหรับการดูแลรับฝากและลิสต์เหรียญ หรือทั้งสองอย่าง โดยมีรายชื่อสกุลเงินที่โดดเด่น ได้แก่ Bitcoin, Dogecoin, Ethereum, Litecoin, Ripple และ เหรียญ PayPal Dollar ตัวใหม่
NYDFS ประกาศว่าจะทำการอัปเดต Greenlist ซึ่งขณะนี้มีเพียง 8 เหรียญเท่านั้น แต่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ USDC ซึ่งเป็นเหรียญ stablecoin ที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าราคาตลาดที่ออกโดยกลุ่มผู้รับสิทธิ์ BitLicense กลับไม่ปรากฏใน Greenlist เวอร์ชันก่อนหน้าหรือเวอร์ชันอัปเดต
“รายชื่อเหรียญ Greenlisted ได้รับการอัปเดตเพื่อให้เป็นไปตามกรอบการทำงานทั่วไปสำหรับเหรียญใหม่ Greenlisted” โฆษก NYDFS กล่าวในแถลงการณ์ที่แชร์กับ Fortune
ที่มา : yahoo finance