ข้อมูล on-chain ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า 57% ของอุปทานเหรียญ Bitcoin ทั้งหมดไม่ได้เคลื่อนไหวมาอย่างน้อย 2 ปีแล้ว เหตุการณ์นี้ถือเป็นวิกฤต Supply shock ครั้งแรกของ Bitcoin นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2009
อุปทาน Bitcoin นิ่งมาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว และสร้างจุดสูงสุดใหม่
ตามที่ Charles Edwards ผู้ก่อตั้ง Capriole Investments ชี้ให้เห็นในโพสต์บน X อุปทาน BTC ที่ไม่มีการเคลื่อนไหว อย่างน้อยสองปีได้พุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาล (ATH) ใหม่เมื่อเร็ว ๆ นี้
นักลงทุน Bitcoin ที่ถือครองอุปทานเหรียญนานที่สุดถูกเรียก“กลุ่มผู้ถือครองระยะยาว (LTH)” ซึ่ง LTH หมายถึง กลุ่มนักลงทุนที่ถือเหรียญ Bitcoin ไว้อย่างน้อย 155 วันที่ผ่านมา
ข้อเท็จจริงทางสถิติคือ ยิ่งผู้ถือครองนานขึ้น โดยเก็บเหรียญไว้บนบล็อกเชน โอกาสที่พวกเขาจะเคลื่อนย้ายเหรียญ ก็จะยิ่งน้อยลง ด้วยเหตุนี้ LTH จึงถือเป็นปัจจัยที่คอยพยุงราคาของ BTC ไว้ไม่ให้ร่วงลดลงมากนัก แม้แต่ในช่วงที่ตลาดกำลังตกต่ำ
กลุ่มผู้ถือเหรียญเกิน 2 ปี เป็นพวก “มือเพชร” (diamond hands) ที่ถือเหรียญไว้เหนียวแน่นที่สุด นานกว่า 155 วัน ขึ้นไป
นี่คือกราฟที่แสดงแนวโน้มเป็นเปอร์เซ็นต์ของอุปทาน Bitcoin ที่หมุนเวียนทั้งหมดที่ถือครองโดยกลุ่ม LTH ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาของสกุลเงินดิจิทัลตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน

ดังที่แสดงในกราฟด้านบน อุปทานที่ถือครองโดย LTH เหล่านี้ได้ดำเนินไปในทิศทางขาขึ้นนับตั้งแต่ FTX ล่มสลายและได้ทำ ATH ใหม่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆ นี้ การเติบโตของหน่วยวัด ได้ชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่ ในปัจจุบัน โดยมีจำนวนประมาณ 57% ของอุปทาน Bitcoin ถูกล็อคอยู่ในมือของผู้ถือครองเหล่านี้
Charles Edwards ตั้งข้อสังเกตว่า นี่เป็นการสร้างอุปทานจำนวนมหาศาลสำหรับสกุลเงินดิจิทัล นักวิเคราะห์เชิงปริมาณ (quant) ยังชี้ให้เห็นว่า เคยเกิดแนวโน้มแบบเดียวกันนี้ก่อนทุกรอบขาขึ้นของตลาด (มีเครื่องหมายเส้นสีเขียวในกราฟ)
ก่อนหน้านี้ SEC ของสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติ Spot Bitcoin Spot ETFs ซึ่ง Charles Edwards อธิบายว่า เหตุการณ์นี้อาจส่งผลให้ “แรงกดดันด้านอุปทาน” ของ Bitcoin รุนแรงมากขึ้น เนื่องจาก “ETF เหล่านี้ได้รับอนุมัติให้ซื้อขายด้วยเงินสดเท่านั้น (ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนด้วย Bitcoin โดยตรง) ดังนั้น ทุกการซื้อจะดึง Bitcoin ออกจากตลาดมากขึ้น”
James V. Straten นักวิเคราะห์กราฟชี้ให้เห็นว่า สิ่งนี้อาจเป็นอีกมุมหนึ่งที่บ่งบอกถึง “Supply Shock” ที่กำลังก่อตัวขึ้นใน Bitcoin

กราฟด้านบนแสดงข้อมูลเปอร์เซ็นต์ของอุปทาน Bitcoin ที่อยู่ในกระเป๋าของศูนย์ซื้อขาย (centralized exchanges) ตัวชี้วัดนี้ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และตอนนี้ มีเพียง 12% ของ Bitcoin ทั้งหมดเท่านั้นที่ถูกเก็บไว้บนแพลตฟอร์มเหล่านี้
ที่มา : Bitcoinist

