Coin Metrics บริษัทจัดเก็บข้อมูล และวิจัยคริปโต ได้ออกมาเผยผลงานวิจัยใหม่ว่า เครือข่ายของ Bitcoin และ Ethereum นั้นจะไม่สามารถถูกโจมตีด้วย 51% attacks ได้อีกต่อไป โดยเหตุผลหลัก ๆ คือ การที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลในการทำลายบล็อกเชนทั้งสอง ซึ่งไม่คุ้มค่าอีกต่อไป
จากรายงานวิจัยของ Coin Metrics ระบุว่าการโจมตี 51% หรือวิธีการที่มิจฉาชีพครอบครอง hash rate ของ ฺBTC หรือ staked crypto ของ ETH ไว้ในจำนวนที่มากกว่า 51% เพื่อทำการเข้าควบคุมหรือทำลายบล็อกเชนนั้นไม่สามารถทำได้แล้ว ซึ่งทางนักวิจัยอย่าง Lucas Nuzzi, Kyle Water, และ Matias Andrade ต่างเห็นพ้องว่า การโจมตีระดับในระดับประเทศเพื่อทำลายบล็อกเชนเหล่านี้จะไม่มีผลอีกต่อไป เพราะกว่าจะควบคุมได้เกิน 51 % นั้นถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
ซึ่งหากลองคำนวนดูจะพบว่า ต้องใช้เงินจำนวนมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ แถมต้องสามารถผลิตเครื่องขุดรุ่นล่าสุดได้เองจำนวนมาก ถึงจะเข้าควบคุมเครือข่ายของ Bitcoin ได้

ถัดมาทางฝั่งของราชาเหรียญ Altcoins อย่าง Ethereum ล่าสุดมีความกังวลเกิดขึ้นว่า เงิน staking จำนวน 34% ถูกโจมตีโดย Lido validator แต่ผลก็ออกมาแล้วว่าเป็นเรื่องโกหก ซึ่งทางทีมวิจัยกล่าวว่า หากมีความต้องการที่จะโจมตี Ethereum เกิดขึ้นจริง จะต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน เนื่องจาก churn limit จะหยุดไม่ให้นำเหรียญที่ stake ไว้มาใช้ได้พร้อมกันทั้งหมด ซึ่งนั่นยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่มหาศาลราว 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์อีกต่างหาก

ดังนั้นผู้ใช้งานบล็อกเชนตัวหลักของโลกคริปโตวางใจได้แล้วว่าจะไม่มีใครสามารถเข้าแทรกแทรงเป็นเสียงส่วนใหญ่ของระบบได้แน่นอน หากไม่บ้าพอที่จะทุ่มแรงกาย และเงินมหาศาล เข้ามาแลกกับผลตอบแทนสุดแสนจะน้อยนิด
ที่มา : Cointelegraph