ราคา Bitcoin ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่อยู่ที่ 69,324 ดอลลาร์ หลังตลาดหุ้น Wall Street เปิดทำการในวันที่ 5 มีนาคม จากนั้นราคา Bitcoin ก็ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 9.75% เหลือ 59,323 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่า นี่เป็นการปรับฐานที่ดีก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะ “สะสมที่แข็งแกร่ง (healthy consolidation)” ก่อนเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในรอบต่อไป
หลังจากที่ราคา Bitcoin ลดลง นักเทรดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า การเทขาย Bitcoin ของนักลงทุนเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากช่วงที่ราคาร่วงอาจเป็นโอกาสในการซื้อ Bitcoin เพิ่ม
ราคา Bitcoin เข้าสู่ “ระยะ FOMO” ที่ระดับกว่า 68,000 ดอลลาร์
ราคา Bitcoin พุ่งทะยานแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ 68,000 ดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro และ TradingView แม้ว่าจะราคาต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ 69,170 ดอลลาร์ อยู่ 9% แต่ก็ยังคงเพิ่มขึ้น 12% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
การร่วงลงอย่างรวดเร็วของราคา Bitcoin ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนที่กำลังลังเลเกี่ยวกับแนวโน้มต่อไปของราคา โดยนักวิเคราะห์ตลาด Aksel Kibar แชร์กราฟที่แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่ Bitcoin พุ่งขึ้นแตะระดับ 69,000 ดอลลาร์ โดยเรียกมันว่า “เฟส FOMO” ซึ่งหมายถึงช่วงที่ผู้คนแห่ซื้อขายกันเพราะกลัวตกรถ
ในการโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เมื่อวันที่ 4 มีนาคม Aksel Kibar พบว่ามีการซื้อขาย BTC ราคาอยู่ในช่วง 65,000 ดอลลาร์และ 68,000 ดอลลาร์ โดยราคามุ่งหน้าขึ้นสู่จุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ประมาณ 69,000 ดอลลาร์ ซึ่งต่อมาเขาเตือนว่านักลงทุนอย่าไป FOMO กับความกลัวที่จะพลาดโอกาสในระดับราคาดังกล่าว
“$ BTCUSD ผมไม่คิดว่านี่เป็นสัญญาณการ breakout ไปจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง อย่า FOMO กับการเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ ”
Alex Thorn หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Galaxy Research มุ่งความสนใจไปที่การเคลื่อนไหวของราคาในอดีตของ Bitcoin โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2020 เมื่อราคา Bitcoin แตะจุดสูงสุดใหม่ และมีการย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากที่แตะจุดสูงสุดใหม่
Alex Thorn บอกเป็นนัยว่า หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ราคา BTC มีแนวโน้มที่จะ “ลดลง 11.3% ภายใน 15 วัน ก่อนที่ Bitcoin จะสามารถทำลาย ATH เดิมอย่างแน่นอน อีกครั้ง” ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
BTC ส่งสัญญาณขาย บนกราฟรายวัน
ช่วงราคาระหว่างกลางถึงปลายที่ 50,000 ดอลลาร์ ถือเป็นแนวการย่อตัวที่เป็นไปได้ซึ่งอาจมีการร่วงลงของราคาเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 2 มีนาคม Peter Brandt ได้แชร์กราฟ ที่แสดงให้เห็นว่า Bitcoin (BTC) กำลังซื้อขายอยู่ภายในช่องขนานขาขึ้นขนาดใหญ่ (wide ascending parallel channel) โดยมีแนวรับระยะสั้นรออยู่ที่ราคาต่ำกว่า 55,000 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกำหนดโดยเส้นกึ่งกลางของช่องดังกล่าว
“ผมเชื่อว่า การที่ราคาลดลงต่ำกว่า 55,000 ดอลลาร์ จะเป็นโอกาสในการซื้อ แม้ว่าการลดลงดังกล่าวจะไม่ใช่การคาดการณ์ของผมก็ตาม”
ในขณะเดียวกัน Ali นักวิเคราะห์กราฟอิสระ ตั้งข้อสังเกตว่า ตัวชี้วัด TD Sequential ได้ส่งสัญญาณขายบนกราฟรายวัน โดยส่งคำเตือนไปยังนักเทรดให้ “แสดงความสนใจอย่างใกล้ชิด” ไม่นานก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้น
“ตัวชี้วัดนี้มีประวัติที่แม่นยำในการทำนายแนวโน้มของราคา Bitcoin (BTC) มาตั้งแต่ต้นปี โดยก่อนหน้านี้ตัวชี้วัดเคยส่งสัญญาณให้ซื้อในช่วงต้นเดือนมกราคม ซึ่งนำไปสู่ การพุ่งขึ้น 34% และยังเคยส่งสัญญาณให้ขายในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์อีกด้วย ซึ่ง ตามมาด้วยการลดลง 4.44%”
ในขณะที่นักเทรดเดอร์รายอื่น ๆ คาดว่าจะมีการปรับฐานที่ลึกยิ่งขึ้น ในช่วงก่อนการ halving นักวิเคราะห์ราคาทางเทคนิค John Bollinger วิจารณ์การย่อตัวลงของราคา Bitcoin (BTC) เมื่อวันที่ 5 มีนาคมว่า “มากเกินไป”
ข้อมูลในตลาดเผยให้เห็นว่า นักเทรดส่วนใหญ่ ไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ครั้งล่าสุดที่เกิน 69,000 ดอลลาร์
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Coinglass มีการล้างพอร์ต ของ positions ที่ ใช้เลเวอเรจมูลค่า รวมกว่า1.17 พันล้านดอลลาร์ ทั่วทั้งตลาดคริปโตภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้ มีการล้างพอร์ต long position มูลค่ามากถึง 846 ล้านดอลลาร์ ส่วนการล้างพอร์ต short position มีมูลค่ารวมสูงถึง 236.33 ล้านดอลลาร์
ที่มา : cointelegraph