Haipo Yang ซีอีโอของกระดานเทรดที่มีชื่อเสียงอย่าง CoinEx ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง BeniCrypto ว่า Ethereum (ETH) อาจขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดคริปโตแทน Bitcoin ได้ในอีกไม่ช้า จากการยอมรับที่สามารถใช้งานได้จริง
โดย Yang ได้เกริ่นว่า นับตั้งแต่ที่ตัวเขาได้รู้จัก Bicoin มาตั้งแต่ปี 2011 เขาได้เห็นศักยภาพของเทคโนโลยี บล็อกเชน ท่ามกลางกระแสข่าวที่บอกว่ามันคือโครงการโอเพ่นซอร์สที่อันตรายที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทว่าตัวเขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นการบุกเบิกของสกุลเงินที่มีอำนาจเหนือการควบคุมของรัฐบาล
ซึ่งในยุคแรกๆ นั้น ตลาดคริปโตไม่ได้มีการควบคุมเหมือนในปัจจุบัน มีเพียงแค่การเติบโตตามธรรมชาติ ที่ทำให้ผู้คนสามารถควบคุมทรัพย์สินและสามารถทำธุรกรรมของตนได้อย่างอิสระ และเสรีภาพนี้ทำให้ตลาดเกิดความเจริญรุ่งเรืองตลอดมา
ทว่าในปัจจุบันที่ Bitcoin ใกล้ที่จะเดินมาถึงเหตุการณ์ Halving อีกครั้ง และ Ethereum จะมีการอัปเกรด Dencun เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสองหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ที่จะทำให้ตลาดมีแนวโน้มที่จะเติบโตในระยะยาว รวมถึงเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับตลาดมากขึ้นเหมือนกับการอนุมัติ Bitcoin ETF
“การมาของ BTC ETF ทำให้ Bitcoin เข้าสู่โลกกระแสหลัก ในด้านหนึ่ง เราจะเห็นเงินจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ตลาด BTC ในทางกลับกัน มุมมองและแนวคิดของผู้คนมากมายเกี่ยวกับตลาดสกุลเงินดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งฉันคิดว่าอาจมีความสำคัญมากกว่า เมื่อ SEC ไฟเขียวให้ ETF เปิดตัวจนส่งผลให้แนวคิดของ Bitcoin หลายคนเปลี่ยนจาก “หลอกลวง” เป็น “มีคุณค่า” เพราะพวกเขาเชื่อในอำนาจ เราไม่ได้บอกว่าปริมาณการซื้อขายและเงินทุนไหลเข้าของ ETF มีจำนวนเท่าใด แต่ดึงดูดผู้คนให้เข้าใจและรับรู้มากขึ้น นี่อาจเป็นเหตุผลพื้นฐานที่สุดในการขับเคลื่อนตลาดกระทิงรอบนี้”
อย่างก็ตาม ถึงแม้ว่าในตอนนี้ Bitcoin จะยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ Yang มองว่าการพัฒนาก็หยุดชะงักมานานแล้ว และถึงแม้ว่าโปรโตคอลหลักของ Bitcoin ค่อนข้างเสถียร แต่ตัวระบบก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานนับตั้งแต่เปิดตัว Satoshi Nakamoto แม้จะมีการอัปเกรด soft fork บางอย่างก็ตาม
ในขณะที่ Ethereum ได้หันไปใช้ Proof-of-Stake ทำให้ ETH เป็นผู้นำในการพัฒนาบล็อกเชน เขาคาดการณ์ถึงศักยภาพที่จะแซงหน้า Bitcoin โดยได้รับแรงหนุนจากโมเดลภาวะเงินฝืดและนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“วิวัฒนาการจาก PoW มาเป็น PoS ของ ETH นั้น ได้ลดต้นทุนในการดำเนินงานเครือข่ายลงอย่างมาก และลดการใช้พลังงาน ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด ในอนาคต เมื่อต้นทุนลดลง อัตราภาวะเงินฝืดอาจเพิ่มขึ้น ในขณะที่ Ethereum ได้ขยายขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ทำให้ ETH ขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลได้”
นอกจากนี้ Yang เชื่อว่าตลาดกระทิงในรอบนี้ มูลค่าตลาดของ Ethereum มีแนวโน้มที่จะขึ้นมาเหนือ Bitcoin จากการที่ผู้ใช้หันเข้ามาในตลาดมากขึ้น และส่งผลให้เงินทุนและแอปพลิเคชันก็จะหลั่งไหลเข้าสู่ระบบนิเวศมากขึ้น ซึ่งการเติบโตในระยะยาวแล้ว ETH นั้นย่อมสูงกว่าทั้งในด้านของปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นและการเปิดตัว ETF ที่เป็นไปได้ รวมถึงกรณีการใช้งานที่กว้างขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ถือเป็นสัญญาณที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจอีกด้วย
ที่มา: BeinCrypto