Timothy Peterson นักเศรษฐศาสตร์ ได้ออกมาแชร์การคาดการณ์ราคา Bitcoin ในช่วงสิ้นปีกับผู้ติดตามของเขา
Timothy Peterson นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ได้ออกมาวิเคราะห์แนวโน้มราคา Bitcoin ในบทวิเคราะห์ล่าสุด โดยชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง อัตราค่าความยาก (Bitcoin difficulty) กับ แนวโน้มราคา Bitcoin ที่อาจพุ่งทะยาน
ซึ่ง Timothy Peterson ได้วิเคราะห์แนวโน้มราคา Bitcoin ล่าสุด โดยชี้ว่าอัตราค่าความยาก (Bitcoin difficulty) บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคา Bitcoin จะพุ่งแตะ 100,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
อัตราค่าความยากในการขุดบิทคอยน์ (Bitcoin mining difficulty) หรือค่าดิฟ (Diff) คืออะไร?
ค่าดิฟ เปรียบเสมือนด่านวัดความท้าทายในการขุดเหรียญใหม่บนเครือข่าย Bitcoin เปรียบเสมือนการปรับระดับความยากของด่าน ยิ่งค่าดิฟสูง แสดงว่า ขุดยากขึ้น รางวัลต่อบล็อก ลดลง แต่โอกาสขุดได้ น้อยลง แต่ละคนจะได้ รางวัล ต่อบล็อก น้อยลง
ค่าดิฟ มีหน้าที่ควบคุมระยะเวลาการขุดบล็อกใหม่ ให้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ป้องกันการผูกขาด รักษาการกระจายศูนย์ ของเครือข่าย Bitcoin ค่าดิฟ ปรับเปลี่ยนทุกๆ 2,016 บล็อก หรือประมาณ 2 สัปดาห์ คำนวณจากอัตราแฮช หากอัตราแฮชเพิ่ม ค่าดิฟจะเพิ่มขึ้น ขุดยากขึ้น เพื่อรักษาเวลาการขุดบล็อกใหม่ให้อยู่ที่ 10 นาที หากอัตราแฮชลดลง ค่าดิฟจะลดลง ขุดง่ายขึ้น เพื่อรักษาเวลาการขุดบล็อกใหม่ให้อยู่ที่ 10 นาที
ดังนั้นแล้วเมื่อการขุด Bitcoin บล็อกใหม่ทำได้ยากขึ้น สิ่งนี้ก็จะส่งผลให้จำนวน Bitcoin ใหม่ที่เข้าสู่ระบบถูกจำกัด ปัจจัยนี้สอดคล้องกับกลไกอุปสงค์และอุปทานทั่วไป เมื่ออุปทานของ Bitcoin มีจำกัด แต่ความต้องการมีอยู่ ราคา Bitcoin ย่อมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตาม
Timothy Peterson กล่าวว่า อัตราค่าความยากของ Bitcoin มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับราคาของ Bitcoin เมื่อค่าความยากเพิ่มขึ้น ต้นทุนด้านพลังงานที่ใช้ในการขุด Bitcoin หนึ่งสกุลก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สิ่งนี้บังคับให้เหล่านักขุดต้องคำนวณระหว่างค่าไฟฟ้า ค่าฮาร์ดแวร์ กับผลตอบแทนที่อาจได้รับ ราคา Bitcoin ที่สูงทำให้ต้นทุนเหล่านี้สมเหตุสมผล ส่งผลให้การขุดยังคงทำกำไรได้แม้ค่าความยากจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากราคา Bitcoin ลดลง อาจบังคับให้บางคนถอดปลั๊กเครื่องขุด ส่งผลให้พลังการประมวลผลและค่าความยากลดลง
จากการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มในปัจจุบัน ทำให้ Timothy Peterson คาดการณ์ราคา Bitcoin ช่วงสิ้นปีที่สมเหตุสมผล ราคาจะอยู่ที่ 60,000 ดอลลาร์ ถึง 90,000 ดอลลาร์ โดย”อัตราค่าความยากที่สูง บ่งชี้ถึงความปลอดภัยของเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ซึ่งรองรับให้ราคา Bitcoin สูงขึ้นได้ ในขณะเดียวกัน ต้นทุนด้านพลังงานก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยพยุง ราคาพื้นฐานของ Bitcoin เอาไว้”
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอื่น ๆ ทั้งการยอมรับที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นของตลาดในเชิงบวก อาจผลักดันให้ราคา Bitcoin สูงขึ้นไปอีก และราคา Bitcoin อาจพุ่งแตะ 100,000 ดอลลาร์ได้ในที่สุด
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ที่มา : bitcoin sistemi