หลังจากไม่ได้ใช้งานมานานกว่า 3 ปี กระเป๋าเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับโปรเจกต์ Ponzi ของ Plus Token ได้โอนย้าย Ethereum มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโต
กระเป๋าเงินสกุลเงินดิจิทัลหลายร้อยแห่ง ที่ไม่ได้ใช้งานมานานกว่า 3 ปีเริ่มย้าย Ethereum จำนวนมากอย่างกะทันหัน
ตามข้อมูลจากนักวิเคราะห์ บล็อกเชน อย่าง Lookonchain มี Ethereum มากถึง 789,533 ETH ที่เชื่อมโยงกับโปรเจกต์ Ponzi ของ Plus Token และไม่ได้ถูกโอนย้ายเลยนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2021
การติดตามข้อมูลบนบล็อกเชน เปิดเผยว่า โทเค็นเหล่านี้เชื่อมโยงกับกระเป๋าเงิน “Plus Token Ponzi 2” ซึ่งได้กระจาย ETH ไปยังกระเป๋าเงินขนาดเล็กหลายพันรายในปี 2020

การมีส่วนร่วมของทางการจีน
ในระหว่างการปราบปราม ทางการจีนได้ยึดทรัพย์สินคริปโตเคอร์เรนซีหลายประเภทมูลค่าประมาณ 4.2 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงโปรเจกต์ Ponzi ของ Plus Token ด้วย
ทรัพย์สินดังกล่าวรวมถึง Bitcoin จำนวน 194,775 BTC , Ethereum จำนวน 833,083 ETH , XRP จำนวน 497 XRP, Dogecoin จำนวน 6 พันล้านเหรียญ และสินทรัพย์อื่นๆ เช่น Bitcoin Cash, Litecoin และ USDT
แม้ว่ามูลค่ารวมกันของโทเค็นที่ถูกยึดจะมีมูลค่าประมาณ 4.2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2020 แต่ปัจจุบันมูลค่ารวมของโทเค็นอยู่ที่ประมาณ 13.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาสินทรัพย์ในปัจจุบันสูงขึ้นมาก
ผลกระทบต่อตลาดคริปโต
การเปิดใช้งานกระเป๋าเงินเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง และความเป็นไปได้ในการเทขายเงินที่ถูกยึด โดยทางการจีนอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในตลาดคริปโต แต่ยังไม่มีหลักฐานในเรื่องนี้ ยังต้องรอดูกันต่อไป
ในขณะที่รายงาน ราคาของ ETH กำลังซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2,384.41 ดอลลาร์ ลดลง 2.88% ภายใน 24 ชั่วโมง อ้างอิงข้อมูลจาก coinmarketcap
Ponzi Scheme คืออะไร?
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ผู้พิพากษาศาลแขวงรัฐอิลลินอยส์ตัดสินสนับสนุนคณะกรรมการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐอเมริกา (CFTC) ในการระบุว่า altcoin สองเหรียญเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ในคดีโปรเจกต์หลอกลวงคริปโตเคอร์เรนซีแบบ Ponzi
โปรเจกต์ Ponzi หลอกลวงเหยื่อด้วยการให้สัญญาว่าจะจ่าย “ผลตอบแทนคงที่” 15% ต่อปีจากการลงทุนใน “สินค้าโภคภัณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัล”
ตามที่ CFTC ระบุ สกุลเงินดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ตกอยู่ใน “กลุ่มเดียวกันกับ Bitcoin” ซึ่งมีการซื้อขายฟิวเจอร์สที่ได้รับการควบคุม
ที่มา : cointelegraph