คริปโตเคอร์เรนซีเป็นทางเลือกของการลงทุนรูปแบบใหม่ที่พึ่งจะมาฮิตถล่มทลายในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ด้วยการที่มันยังใหม่ทำให้นักลงทุนสามารถหาผลตอบแทนได้เป็นกอบเป็นกำ ในบทความนี้เราจึงจะพาทุกท่านมารู้จักกับ Altcoin ว่ามันคืออะไร ?และทำไมเราถึงต้องเตรียมตัวรับการมาถึง Alt Season
Altcoin คืออะไร?
AltCoin เป็นคำเรียกรวม ๆ ของเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดที่ไม่ใช่ Bitcoin โดย Alt ก็มาจากคำว่า Alternative หรือทางเลือกอื่น ๆ นั่นเอง
Altcoin ต่างกับ Bitcoin อย่างไร ?
Bitcoin ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และช่วยรักษามูลค่าในระยะยาว เนื่องจากมีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ตามแนวคิดของผู้สร้างอย่าง Satoshi Nakamoto ซึ่งต้องการให้ Bitcoin เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยจากการควบคุมของรัฐบาลหรือธนาคารกลาง ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ ที่ไม่มีหน่วยงานใดสามารถเข้ามาควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงระบบได้ง่าย ๆ ทำให้ Bitcoin กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการผูกขาดและการแทรกแซงทางการเงินของภาครัฐ
ในขณะที่เหรียญ Altcoins หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มักถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น การแก้ปัญหาทางเทคโนโลยี การพัฒนาระบบการเงินใหม่ หรือในบางกรณีก็เพื่อเก็งกำไรเท่านั้น อุปทานของเหรียญเหล่านี้อาจถูกกำหนดให้มีจำนวนจำกัดหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละโปรเจกต์ และการบริหารจัดการเครือข่ายก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละโปรเจกต์
Altcoin มีกี่ประเภท
Altcoin สามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทตามการใช้งานและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยสามารถจัดกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้:
- 1.Stablecoins (เหรียญเสถียรค่า)
Stablecoins คือ Altcoin ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่โดยผูกกับสินทรัพย์อื่น เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) หรือทองคำ เช่น USDT , USDC , DAI เป็นต้น - 2.Utility Tokens (โทเคนเพื่อการใช้งาน)
เป็น Altcoin ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ถือสามารถเข้าถึงบริการหรือฟังก์ชันต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มนั้น ๆ ได้ เช่น: Binance Coin , Ethereum , Uniswap เป็นต้น - 3.Governance Tokens (โทเคนเพื่อการกำกับดูแล)
โทเคนกลุ่มนี้มอบสิทธิในการลงคะแนนเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาโปรเจกต์ เช่น: MakerDAO หรือ Compound - 4.Security Tokens (โทเคนหลักทรัพย์)
เป็นโทเคนที่มีคุณสมบัติคล้ายกับหุ้นในบริษัท อาจใช้เพื่อแบ่งปันรายได้หรือกำไร โดยต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล เช่น: tZERO , SPiCE VC - 5.Meme Coins (เหรียญมีม)
Meme Coins มักเกิดขึ้นจากความสนุกหรือกระแสในชุมชนคริปโต ไม่มีคุณค่าหลัก ๆ ในการใช้งาน แต่ได้รับความนิยมจากการโปรโมตและความเชื่อ เช่น: DOGE , หมูเด้ง - 6.DeFi Tokens (โทเคนในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์)
โทเคนที่ใช้ในระบบ DeFi (Decentralized Finance) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น การกู้ยืม, การ SWAP , และการสร้างผลตอบแทน เช่น: AAVE , SushiSwap เป็นต้น - 7.Privacy Coins (เหรียญความเป็นส่วนตัว)
เหรียญที่เน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและการทำธุรกรรม เช่น: XMR (Monero) - 8.NFT Tokens (โทเคนที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้)
NFT (Non-Fungible Tokens) ใช้แสดงความเป็นเจ้าของดิจิทัลของสินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่สามารถแบ่งแยกได้ เช่น งานศิลปะหรือของสะสม เช่น: BAYC (Bored Ape Yacht Club) ,AXS (Axie Infinity)
Alt Season คืออะไร?
ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี การสร้างผลกำไรจะแบ่งออกเป็นสองช่วงสำคัญ ช่วงแรกคือช่วงที่ Bitcoin ทำราคาขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเริ่มต้นของตลาดขาขึ้น (Bull Market) โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มักมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์หลักที่ปลอดภัยกว่า Altcoins เมื่อเทียบกันในด้านความเสี่ยง ดังนั้น เมื่อราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน จะดึงดูดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาด และทำให้นักลงทุนหันมาสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น ส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากช่วงที่ Bitcoin สร้างกระแสขาขึ้นไปได้ระดับหนึ่งแล้ว จะตามมาด้วยสิ่งที่เรียกว่า “Alt Season” หรือฤดูกาลของเหรียญ Altcoin ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหรียญอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ทำกำไรได้สูงกว่าหลายเท่าตัว สาเหตุหลักเกิดจากนักลงทุนที่ทำกำไรจาก Bitcoin จะเริ่มย้ายเงินทุนของตนไปสู่เหรียญ Altcoins ที่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ส่งผลให้เหรียญเหล่านี้มีราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในระยะเวลาสั้น ๆ ช่วง Alt Season นี้จึงเป็นที่จับตามองของนักเก็งกำไร เนื่องจากเป็นโอกาสที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็มีความผันผวนสูงและความเสี่ยงที่มากขึ้นตามมา
จะรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหน Alt Season กำลังจะมา
วิธีที่ง่ายที่สุดในการติดตามแนวโน้มการทำกำไรในตลาดคริปโต คือการดูทิศทางการไหลของเงินทุนในตลาด ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้เหมือนกับเครื่องกรองน้ำ โดยเม็ดเงินจะไหลเข้าสู่โปรเจกต์ที่มีมูลค่าตลาดสูงอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ก่อน ซึ่งส่งผลให้ราคาของเหรียญหลัก ๆ เหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นลำดับแรก และเมื่อมูลค่าตลาดของเหรียญใหญ่พุ่งขึ้นแล้ว นักลงทุนก็จะเริ่มกระจายเงินทุนไปยังเหรียญที่มีขนาดเล็กกว่า ส่งผลให้ราคา Altcoins ปรับตัวตามขึ้นมาในภายหลัง การเคลื่อนไหวของเงินทุนนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณถึงช่วงเวลาที่แต่ละเหรียญจะมีโอกาสทำกำไรได้มากน้อยต่างกันไปตามลำดับ
อีกวิธีที่ได้รับความนิยมคือการวิเคราะห์จากกราฟ “Bitcoin Dominance” ซึ่งเป็นการดูว่าตอนนี้ Bitcoin มีส่วนแบ่งการตลาดในโลกคริปโตมากน้อยเพียงใด โดยถ้า Bitcoin Dominance สูงขึ้น แปลว่าสัดส่วนเงินทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ใน Bitcoin ทำให้เงินไม่ไหลเข้าสู่ Altcoins ส่งผลให้เหรียญ Altcoins ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นตามได้ หรืออาจปรับตัวลดลงเพราะแรงขายที่มากกว่าแรงซื้อ ในทางกลับกัน หาก Bitcoin Dominance ลดลง แสดงว่านักลงทุนเริ่มย้ายเงินออกจาก Bitcoin ไปยัง Altcoins ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิด “Alt Season” ขึ้น
นอกเหนือจากการดูกราฟ Bitcoin Dominance แล้ว การใช้ดัชนีตัวชี้วัดอย่าง “Altcoin Season Index” ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยประเมินได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ Altcoin Season Index จะแสดงสถานะว่า ณ ขณะนี้ตลาดกำลังอยู่ในช่วงที่ Altcoins ทำกำไรได้ดีกว่า Bitcoin หรือไม่ หากดัชนีแสดงค่าในระดับสูง หมายความว่า Altcoins กำลังมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง และอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงช่วงเวลาที่ดีสำหรับการลงทุนในเหรียญรองอื่น ๆ แทนการถือ Bitcoin เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น เพราะโทเค็น Altcoins นั้นมีความเสี่ยงสูงทั้งในแง่ของความผันผวน และโอกาสที่จะพบกับมิจฉาชีพ ดังนั้นนักลงทุนควรศึกษาข้อมูล และยอมรับความเสี่ยงก่อนเริ่มการลงทุน