ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลกต้องเจอกับแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อราคา Bitcoin ร่วงลงอย่างรุนแรง ทะลุระดับสำคัญที่ 64,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปิดฉากเดือนกันยายน ส่งผลให้ตลาดเกิดความผันผวนและสร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุนอย่างน่าใจหาย
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในเช้าวันจันทร์ หลังราคา Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 65,000 ดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากแรงกดดันอย่างหนักจากนักลงทุนและการทำกำไรระยะสั้น ซึ่งได้สร้างความกังวลว่าแรงซื้อที่เคยหนุนราคาอาจจะเริ่มอ่อนกำลังลง
แม้ว่าราคา Bitcoin จะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 64,000 ดอลลาร์ในวันนี้ แต่โทเค็นดั้งเดิมของ Ripple อย่าง XRP กลับมีการเคลื่อนไหวเชิงบวก โดยราคาพุ่งแตะ 0.65 ดอลลาร์หลังจากเพิ่มขึ้นอีก 4% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของ XRP ในขณะที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ยังเผชิญกับความผันผวนสูง
ในกลุ่ม Altcoin ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง เช่น Toncoin, Solana, Tron, Avalanche และ Bitcoin Cash ต่างอยู่ในโซนบวกเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับเหรียญยอดนิยมอย่าง Ethereum (ETH), Binance Coin (BNB), Dogecoin (DOGE), Cardano (ADA), Shiba Inu (SHIB) และ Chainlink (LINK) กลับประสบกับการสูญเสียที่สูงถึง 4% โดยเฉพาะในกลุ่มเหรียญมีมที่มีความเสี่ยงสูงในการลงทุน
สำหรับเหรียญขนาดกลาง เช่น TAO และ SUI ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ตามมาด้วย Aptos (APT), Render Token (RNDR) และ Stellar (XLM) ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุนที่ยังคงมองหาโอกาสในเหรียญที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ท่ามกลางความผันผวนของตลาด
อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดรวมของสกุลเงินดิจิทัลได้ลดลงประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่จุดสูงสุดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก CoinGecko แสดงให้เห็นถึงสภาวะการชะลอตัวของตลาดในระยะสั้นท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อแนวโน้มอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล