<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ครบรอบ 16 ปีที่ “Satoshi Nakamoto” ประกาศว่า อุปทาน Bitcoin มีแค่ “21 ล้านเหรียญ” เท่านั้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แม้ว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในปัจจุบันจะดูผันผวน แต่เรามีเหตุผลที่จะหยุดคิดทบทวนกันในวันนี้ เพราะเป็นวันครบรอบ 16 ปีที่ Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin ที่ยังคงเป็นปริศนา ได้เปิดตัวคุณสมบัติสำคัญที่สุดของ Bitcoin นั่นคือ จำนวนเหรียญสูงสุดที่จำกัดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2009 ซึ่งเป็นการแนะนำระบบที่เปลี่ยนแปลงมุมมองของโลกที่มีต่อเงินตราไปอย่างสิ้นเชิง Nakamoto ได้กำหนดกระบวนการสร้างเหรียญที่ชัดเจนและจำกัดจำนวนไว้ เพื่อให้มั่นใจว่า Bitcoin ทั้งหมดจะมีไม่เกิน 21 ล้านเหรียญ

เหรียญ Bitcoin จะถูกสร้างขึ้นและมอบให้กับผู้ที่ช่วยตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่าย หรือที่เรียกว่า “นักขุด” เป็นรางวัล โดยจำนวนเหรียญที่สร้างใหม่จะลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปี หรือที่เรียกว่า “Halving” ซึ่งเป็นกลไกที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมปริมาณเหรียญในระบบ โดยในช่วง 4 ปีแรก มีการสร้าง Bitcoin 10.5 ล้านเหรียญ จากนั้นก็ลดลงเหลือ 5.25 ล้านเหรียญใน 4 ปีถัดมา และลดลงเรื่อยๆ จนคาดการณ์ว่า Bitcoin เหรียญสุดท้ายจะถูกขุดได้ประมาณปี 2140

ในอดีต Bitcoin ไม่มีมูลค่าใดๆ มันเป็นเพียงแนวคิด การทดลองทางดิจิทัลที่พูดคุยกันในกลุ่มเล็กๆ ของผู้ที่สนใจ แต่ในปัจจุบัน Bitcoin ได้เติบโตขึ้นเป็นสินทรัพย์ระดับโลกที่มีมูลค่ารวมกันเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์! หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของ Bitcoin คือ จำนวนเหรียญที่จำกัดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งแตกต่างจากเงิน fiat (เช่น เงินบาท เงินดอลลาร์) ที่รัฐบาลสามารถพิมพ์เพิ่มได้เรื่อยๆ

ถึงแม้ทฤษฎีจะบอกว่ามี Bitcoin ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ แต่จำนวนเหรียญที่ใช้งานได้จริงนั้นน้อยกว่า เนื่องจาก

ประเด็นแรกในเรื่องเหรียญที่หายไปของ Satoshi เชื่อกันว่า Satoshi Nakamoto ได้ ขุด Bitcoin ประมาณ 1 ล้านเหรียญในช่วงแรกๆ และเหรียญเหล่านั้นไม่เคยถูกเคลื่อนย้าย เป็นที่เชื่อกันว่ามันคือการทำให้ BTC ของคุณหายไปตลอดกาลหากโอนเงินเหรียญเข้าบัญชีนั้น

ประเด็นต่อมาเหรียญในกระเป๋าเงินที่ถูกลืม เหรียญ Bitcoin จำนวนมากยังคงอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เจ้าของลืมรหัสผ่านหรือทำ private key หาย ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเหรียญเหล่านั้นได้

ถึงแม้ข้อมูลในระบบจะบันทึกว่ามี Bitcoin หมุนเวียนอยู่ประมาณ 19.8 ล้านเหรียญ แต่จำนวนเหรียญที่สามารถใช้งานได้จริงในตลาดนั้นน้อยกว่านี้อย่างแน่นอน

ที่มา: u.today