ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกพัฒนาออกมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนและผู้ใช้งานทั่วโลก โดยปี 2025 ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและการปรับตัวครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดคริปโต
ในบทความนี้ ทางสยามบล็อกเชนจะพามาดูกันว่า 4 เทรนด์สำคัญในตลาดคริปโตที่ต้องจับตาในปี 2025 จะมีอะไรบ้าง
1. สินทรัพย์ในโลกจริง (Real World Assets – RWA)
Real World Assets (RWA) ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2024 และคาดว่า จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 นี้ โปรเจกต์ RWA ชั้นนำ อย่าง BUIDL ของ BlackRock, uMint ของ UBS และ Abrdn ของ Ripple ครองตลาด ด้วยกองทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ธนาคารและสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่ง อย่างเช่น Bank of Italy, JP Morgan Chase, Goldman Sachs และ BBVA Bank ก็กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดนี้ โดยใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน
ซึ่งโปรเจกต์ที่คาดว่า จะได้ประโยชน์จากกระแสของ RWA ได้แก่
- Ethereum (ETH) ซึ่งเป็นเครือข่ายหลักที่มีบทบาทสำคัญใน DeFi
- Polygon (POL) ที่มีพันธมิตรชั้นนำจำนวนมาก
- Base ที่โดดเด่นด้านความเร็ว และความเป็นมิตรต่อผู้ใช้
- Algorand (ALGO) ซึ่งเปลี่ยนทิศทางไปสู่การเป็นบล็อกเชนที่รองรับ RWA โดยเฉพาะ
2. เหรียญ Layer-1
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เหรียญ Layer-1 จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของวงการคริปโต ตราบใดที่เทคโนโลยีบล็อกเชนยังคงอยู่ ทุกอย่างที่ทำงานบนบล็อกเชน ไม่ว่าจะเป็น dApps, โปรโตคอล DeFi, โปรเจกต์คริปโตที่ใช้ AI, โครงการ RWA หรือแม้แต่เหรียญมีม ล้วนต้องพึ่งพา Layer-1 เป็นโครงสร้างพื้นฐาน
ซึ่งเหรียญมีมส่วนใหญ่ทำงานอยู่บนเชน Solana ส่วนโปรเจกต์ RWA ใช้ XRPL ledger ในขณะที่เหรียญ AI นิยมใช้ Near Protocol และโปรเจกต์ DeFi ยังคงขับเคลื่อนโดย Ethereum
เหรียญ Layer-1 ชั้นนำที่คาดว่าจะครองตลาดคริปโตไปอีกยาวนาน ได้แก่
- Bitcoin เพราะเป็นเหรียญที่มีอิทธิพลสูงสุด และถือเป็นสินทรัพย์สำรองของตลาด
- Ethereum ซึ่งเป็นเครือข่ายหลักของ DeFi
- Near Protocol ที่ได้รับความนิยมในตลาด AI
- Solana ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่ำและรองรับการทำธุรกรรมได้ง่าย
- Base เครือข่ายที่มีความเร็วสูง แม้จะยังไม่มีโทเคนของตัวเอง
3. คริปโตสาย AI
AI agents กำลังเข้ามาเปลี่ยนตลาดอย่างรวดเร็ว โปรเจกต์ Virtuals Protocol เคยสร้างกระแสด้วยการเติบโตสูงถึง 7000% เนื่องจากไม่มีคู่แข่งในตลาดช่วงแรก และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีก เพราะ YCombinator คาดว่า ตลาด AI agents จะใหญ่กว่าซอฟต์แวร์ SaaS ถึง 10 เท่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้ไม่ได้มีเพียง Virtuals Protocol อีกต่อไป Near Protocol ก็ได้ปรับตัว เข้ามาโฟกัสที่ตลาดนี้เช่นกัน นอกจากนี้ เทรนด์ AI ที่กำลังมาแรงยังช่วยให้ Worldcoin และคริปโตสาย AI อื่น ๆ กลับมาฟื้นตัว
แต่แล้วตลาดก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากกระแส Deepseek โมเดล AI จากจีน ที่ทำผลงานได้ดีกว่าระบบ AI ของสหรัฐฯ อย่าง ChatGPT ของ OpenAI และ Gemini ของ Google ทำให้เกิดความกังวลว่า AI จากจีนอาจก้าวนำตลาดโลกในอนาคต
กระแส AI agents คาดว่า จะทำให้การแข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยพัฒนาเครื่องมือ AI ให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาล Donald Trump ที่ให้ความสำคัญกับ AI อาจทำให้กฎระเบียบมีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนเงินทุนและนโยบายที่เอื้อต่อตลาด AI
หลังจากตลาดเริ่มฟื้นตัวจากกระแส Deepseek คาดว่า การแข่งขันจะดุเดือดยิ่งขึ้น โดยโปรเจกต์คริปโตที่เกี่ยวข้องกับ AI ส่วนใหญ่จะเร่งพัฒนา และสร้างแอปพลิเคชันที่แตกต่างเพื่อตอบโจทย์ตลาด ซึ่งจะช่วยผลักดันราคาของเหรียญเหล่านี้ให้สูงขึ้น ล่าสุด ในสัปดาห์นี้ เราก็ได้เห็นการฟื้นตัวของเหรียญ AI บางตัวที่ปรับตัวขึ้นถึง 25%

เหรียญคริปโตสาย AI กลับมาฟื้นตัว หลังจากแรงกดดันจากกระแส Deepseek ที่มา : CoinMarketCap
4. เหรียญที่มีต้นกำเนิดจากสหรัฐฯ
เหรียญคริปโตที่มีต้นกำเนิดจากสหรัฐฯ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น หลังจาก Donald Trump แสดงท่าทีสนับสนุน ซึ่งนำไปสู่กระแสคาดการณ์ว่า เหรียญเหล่านี้อาจถูกเพิ่มในคลังสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ (U.S. National Digital Assets Stockpile )
คลังสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติของสหรัฐฯ นี้คาดว่าจะมี Bitcoin เป็นสินทรัพย์หลัก แต่ก็อาจมีเหรียญอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย เช่น XRP, Dogecoin, Algorand, XLM และเหรียญที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง $TRUMP
มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในตลาดคริปโต เกี่ยวกับแนวทางของ คลังสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งฝั่งหนึ่งนำโดย Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple สนับสนุนให้ใช้คริปโตหลายเหรียญ ในขณะที่ฝั่งของกลุ่มผู้สนับสนุน Bitcoin ต้องการให้มีเฉพาะ Bitcoin เท่านั้น
เรื่องนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ โดย David Sacks ผู้ดูแลด้าน AI และคริปโตของทำเนียบขาว กำลังจัดทำรายงาน เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้ ภายในกลางปี 2025
การติดตามเทรนด์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเตรียมตัวและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้
ที่มา : voiceofcrypto