<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>
bitkub-2022-769x90

Binance ลงบทความ “Binance Is SAFU” ยืนยันปกป้องเงินลูกค้า 24/7 หลังเกิดเหตุแฮ็ก Bybit

bitkub-2022-768x90
ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

โลกของคริปโตเดินทางมาไกลจากวันแรกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้พัฒนาไปอย่างมาก มีทั้งการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น โครงสร้างความปลอดภัยที่แข็งแกร่งขึ้น และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายลดน้อยลง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือ มิจฉาชีพที่พยายามหาทางเจาะช่องโหว่เพื่อขโมยเงินของนักลงทุน

เหตุการณ์ทำนองนี้ได้เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเว็บเทรดคริปโตรายใหญ่อย่าง Bybit ถูกแฮ็ก ทำให้สูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นหนึ่งในการปล้นคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

แฮกเกอร์สามารถเจาะระบบกระเป๋าเงิน cold wallet  ของ Bybit ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บออฟไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย โดยเงินที่ถูกขโมย ส่วนใหญ่เป็น Ethereum ที่ถูกโอนไปยังหลายกระเป๋าอย่างรวดเร็วและถูกขายทำกำไรผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ในหมู่ผู้ใช้งาน ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป นักลงทุนพากันถอนเงินออกจาก Bybit อย่างมหาศาล มูลค่ารวมพุ่งทะลุ 5.5 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

งานนี้ไม่ใช่แค่ เว็บเทรด Bybit ที่ปั่นป่วน แต่ทั้งตลาดคริปโตเองก็กำลังสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เว็บเทรดคริปโตระดับโลกอย่าง Binance ไม่รอช้ารีบออกมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่ใช้งานบนแพลตฟอร์มเว็บเทรดคริปโตของตน

Binance ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการเผยแพร่บทความ “Binance Is SAFU: Here’s How We Secure Your Assets 24/7” ที่มีใจความสำคัญว่า “Binance ปลอดภัยหายห่วง ด้วยกองทุนฉุกเฉินที่ Binance จัดตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ใช้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (SAFU) : นี่คือวิธีที่เราปกป้องทรัพย์สินของคุณตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน” 

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เว็บเทรด Binance มีผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนหลายร้อยล้านคน ซึ่งหลายคนอาจยังไม่คุ้นชินกับแนวทางการรักษาความปลอดภัยในโลกคริปโต การให้ความรู้ การป้องกันความเสี่ยง และการเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่เสมอ และจะยังเป็นสิ่งสำคัญ

เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่า เงินของพวกเขาปลอดภัย Binance จึงได้ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่การจัดเก็บสินทรัพย์ที่ปลอดภัย การเฝ้าระวังตลอดเวลา การตรวจจับภัยคุกคาม ไปจนถึงการสร้างกองทุนสำรองเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

เงินของผู้ใช้งานส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในระบบ Cold Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินออฟไลน์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก นอกจากนี้ ทุกธุรกรรมการถอน การรีเซ็ตรหัสผ่าน หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัญชี จะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยระบบบริหารความเสี่ยงของ Binance หากพบความผิดปกติ บัญชีอาจถูกระงับชั่วคราวเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันความเสียหาย

Binance สร้างความปลอดภัยขององค์กร โดยโครงสร้างพื้นฐานมีการใช้ระบบ Multi-Signature และระบบลายเซ็นแบบ Threshold Signature Scheme (TSS) เพื่อรับประกันความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของเงินทุนของผู้ใช้

Binance ยังให้ความสำคัญกับการเข้ารหัสข้อมูลของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการ KYC เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ใช้งานเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้ นอกจากนี้ ระบบรักษาความปลอดภัยยังครอบคลุมไปถึงการล็อกอินด้วย 2FA (Two-Factor Authentication) การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงบัญชี และการแจ้งเตือนเมื่อพบกิจกรรมที่ผิดปกติ

เพื่อป้องกันภัยคุกคาม Binance จึงใช้เทคโนโลยี AI ผสานกับการตรวจสอบของทีมงาน เพื่อเฝ้าระวังธุรกรรมที่น่าสงสัย หากพบการพยายามโกงหรือขโมยเงิน ระบบสามารถหยุดยั้งธุรกรรมได้ก่อนที่เงินจะถูกถอนออกไป ซึ่งในปี 2024 เพียงปีเดียว Binance สามารถป้องกันความสูญเสียของผู้ใช้งานไปได้มากกว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ และช่วยกู้คืนสินทรัพย์ที่สูญหายได้มากกว่า 88 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ Binance ยังมี กองทุน SAFU (Secure Asset Fund for Users) ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2018 เพื่อเป็นแผนสำรองกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด กองทุนนี้ได้รับการเติมเงินมาจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และปัจจุบันมีมูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์ใน รูปแบบ USDC เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ใช้มีหลักประกันความปลอดภัยเพิ่มเติม

แม้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยของ Binance จะเข้มงวดเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ใช้ยังคงเป็นแนวป้องกันด่านแรกและด่านที่สำคัญที่สุดต่อภัยคุกคาม ซึ่ง Binance ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ด้านความปลอดภัย ผ่านบทความและคำแนะนำต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปกป้องสินทรัพย์ของตนเองจากกลโกงและภัยไซเบอร์ได้

Binance ได้สร้างโครงสร้างความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เพื่อปกป้องผู้ใช้งานในทุกระดับ ตั้งแต่แพลตฟอร์มที่ปลอดภัย ไปจนถึงระบบเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์และกองทุนฉุกเฉิน SAFU 

อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ผู้ใช้ควรมีพฤติกรรมการใช้งานที่ปลอดภัย ระมัดระวังกลโกง และใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่ Binance มีให้เต็มที่ อนาคตของคริปโตจะปลอดภัยขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนร่วมมือกันสร้างระบบที่แข็งแกร่งและมีความตื่นตัวอยู่เสมอ

ที่มา : binance

ข่าวต่อไป