<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุน Bitcoin แห่วิจารณ์นโยบาย “Crypto Reserve” ของทรัมป์ จุดฉนวนกระแสดราม่า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศจัดตั้ง U.S. Crypto Strategic Reserve หรือกองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงเหรียญคริปโตชั้นนำอย่าง XRP, Solana (SOL) และ Cardano (ADA) การตัดสินใจครั้งนี้ก็กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการทันที โดยเฉพาะในหมู่บิตคอยเนอร์ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน

โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ให้เหตุผลว่า กองทุนนี้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งเขาอ้างว่า ได้รับความเสียหายจากนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน หลังจากการประกาศ ราคาของ XRP พุ่งขึ้น 37% ราคา SOL เพิ่มขึ้น 23% และราคา ADA พุ่งไปถึง 68%

อย่างไรก็ตาม กลุ่มบิตคอยเนอร์ดูจะไม่ปลื้มกับแนวคิดนี้เท่าไหร่ ซึ่ง Samson Mow  ผู้สนับสนุน Bitcoin อย่างสุดโต่ง  ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่า 

ถึงแม้ราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้น แต่วันนี้ถือเป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับอเมริกา เพราะประเทศกลับเลือก “Shitcoin” เข้ามาอยู่ในกองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ โดย Samson Mow  ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เขาไม่แปลกใจเลย เพราะทรัมป์เคยเปิดตัวเหรียญมีมมาแล้ว

นักวิเคราะห์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มสะสมคริปโต สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในระยะยาวต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ และอาจทำให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับระบบการเงินดั้งเดิม ซึ่งบางฝ่ายยังเตือนว่า การเลือกเหรียญเฉพาะกลุ่มมาไว้ในกองทุนอาจสร้างปัญหาทางกฎหมายในอนาคต เพราะยังมีข้อถกเถียงว่าเหรียญเหล่านี้ ควรถูกจัดประเภทเป็นหลักทรัพย์หรือไม่

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้สนับสนุนกองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ ก็ออกมาโต้แย้งว่า การเปิดรับเหรียญที่หลากหลาย จะช่วยกระตุ้นนวัตกรรมในวงการบล็อกเชน โดยชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้ Bitcoin จะเป็นเหรียญหลัก แต่ก็ไม่ควรถูกมองว่า เป็นตัวเลือกเดียว เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบอื่น ก็มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจยุคใหม่

นักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายคนมองว่า การประกาศครั้งนี้เป็นมากกว่านโยบายเศรษฐกิจ แต่เป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองของทรัมป์ ที่ต้องการดึงฐานเสียงจากกลุ่มนักลงทุนคริปโต นักพัฒนา และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ โดยชี้ให้เห็นว่า ทรัมป์พยายามวางตัวเป็นผู้นำที่เป็นมิตรต่อคริปโต เพื่อชนะใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ไม่พอใจกับการปราบปรามคริปโตของรัฐบาลก่อน

แต่ถึงแม้ทรัมป์จะพยายามขายภาพลักษณ์ของตัวเองว่า เป็นผู้สนับสนุนคริปโต แต่บิตคอยเนอร์หลายคนก็ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพวกเขามองว่า แนวทางของทรัมป์ดูเป็นการเอาใจกลุ่มบล็อกเชนเฉพาะกลุ่ม มากกว่าที่จะเป็นแผนเศรษฐกิจที่มีรากฐานมั่นคง

ในขณะที่บางคนกลับมองว่า การที่รัฐบาลมีสินทรัพย์ดิจิทัลในคลัง อาจเป็นก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ Treasury Reserves โดยมีการเปรียบเทียบกับรัฐเท็กซัสที่เคยผลักดันให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์สำรองของรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงบทบาทของคริปโตในการเงินภาครัฐ

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของแนวคิดในวงการคริปโตของสหรัฐฯ แม้รัฐบาลกลางจะเลือกแนวทางที่หลากหลาย โดยยอมรับเหรียญหลายประเภทลงในกองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ แต่บางรัฐเลือกแนวคิดยอมรับเฉพาะแค่ Bitcoin

นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารของทรัมป์ยังมีแผนจัด White House Crypto Summit เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายการเงินดิจิทัล กับนักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแน่ชัดว่า กองทุนนี้จะเป็นนโยบายถาวร หรือเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราวในช่วงเลือกตั้ง

แม้ว่าในชุมชนคริปโต จะมองกองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ แตกต่างกันออกไป โดยบิตคอยเนอร์มองว่า เป็นหายนะ แต่ฝ่ายที่สนับสนุน Altcoins กลับมองว่า เป็นโอกาสทอง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ บทบาทของคริปโตในการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลลัพธ์ของนโยบายนี้ จะขึ้นอยู่กับการดำเนินงาน การกำกับดูแล และการตอบรับจากตลาดและนักการเมืองในอนาคต

ที่มา : cryptopolitan