<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เช็กให้ชัวร์! 9 วิธีสแกนโปรเจกต์คริปโตพรีเซลล์ ก่อนโดนหลอกลงทุน ICO Scam

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี มักมีโปรเจกต์ที่ดูเหมือนจะมีอนาคตสดใส แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นแค่แผนต้มตุ๋นที่หลอกเอาเงินนักลงทุนไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าโปรเจกต์ไหนมีความเสี่ยง? บทความนี้มีคำตอบ พร้อม 9 เช็คลิสต์ช่วยสแกนก่อนตัดสินใจลงทุน

1 ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์/ทีมงาน

สิ่งแรกที่นักลงทุนสามารถตรวจสอบได้ง่ายที่สุด คือ “ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์โปรเจกต์” ลองพิจารณาดูว่าเว็บไซต์ถูกออกแบบอย่างปราณีตหรือไม่ มีข้อมูลครบถ้วน ฟังก์ชันต่าง ๆ ใช้งานได้ดีหรือเปล่า หากเว็บไซต์ดูเป็นมืออาชีพ ก็อาจช่วยให้เรารู้สึกมั่นใจขึ้นในระดับหนึ่ง

ถัดมาทางด้านของทีมงาน ถ้าทีมงานไม่ระบุตัวตนไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามให้นักลงทุนระวังไว้เลยว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ ในขณะที่หากทีมพัฒนาเปิดเผยตัวตนและสามารถตรวจสอบได้จะยิ่งเป็นการดีต่อโปรเจกต์ ทว่านักลงทุนก็ไม่ควรละเลยที่จะตรวจประวัติของนักพัฒนาว่าเคยมีความเกี่ยวข้องกับ Scam หรือไม่ 

2 Whitepaper 

ต่อมา สำหรับวิธีที่ใช้คัดกรองโปรเจกต์น้ำดีคือ การที่ตัวของโปรเจกต์จะต้องมี Whitepaper ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้อธิบายแผนงาน และรายละเอียดทั้งหมดของโปรเจกต์ 

ถ้าไม่มีเอกสารดังกล่าวให้นักลงทุนอ่าน หมายความว่าโปรเจกต์ดังกล่าวนั้นสุ่มเสี่ยงที่จะฉ้อโกง ในขณะที่หากเอกสารมีการเขียนมากำกวมหรือไม่ละเอียด ก็อาจเข้าข่ายที่จะสแกมเช่นกัน

3 Tokenomic

ต่อเนื่องจากประเด็นเรื่อง Whitepaper โดยส่วนมากแล้วทุกโปรเจกต์ชั้นดีจะมีเนื้อหาในส่วนของ Tokenomic ภายในเอกสารดังกล่าว ซึ่งเป็นการชี้แจ้งถึงสัดส่วนของโทเคนที่นักลงทุนสนใจว่าจะถูกจัดสรรไปใช้ทำอะไรบ้าง มีจำนวนเท่าไร หมุนเวียนอย่างไร ซึ่งถ้าหากนักลงทุนไม่สามารถหาข้อมูลดังกล่าวจากโปรเจกต์ได้ แสดงว่าโปรเจกต์นั้นมีความไม่ชอบมาพากล

4 มีกำหนดเวลาระดมทุนชัดเจน

โปรเจกต์ที่ดีควรที่จะมีการกำหนดระยะเวลา Presell หรือ ICO ที่ชัดเจน เพื่อให้นักลงทุนทราบว่าโปรเจกต์กำลังทำอะไรอยู่บ้าง ซึ่งตามปกติแล้วการระดมทุนจะแบ่งออกเป็นเฟส และเมื่อทุกเฟสสิ้นสุดลงโปรเจกต์ก็ควรที่จะทำตามเงื่อนไขที่ระบุว่า 

อย่างไรก็ตามหากโปรเจกต์ไม่มีกำหนดการชัดเจน หรือไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ แสดงว่าโปรเจกต์นั้น ๆ อาจเข้าข่ายเป็นสแกม

5 คอมมูนิตี้ – โซเชียลมีเดีย

การหาข้อมูลจากชุมชนคอมมูนิตี้ ถือเป็นอีกวิธีชั้นยอดที่ใช้ตรวจสอบโปรเจกต์ คริปโต โดยนักลงทุนสามารถวิเคราะห์ภาพรวมเบื้องต้นได้จากคอมมูนิตีบนโซเชียลมีเดีย เช่น X หรือ Telegram ซึ่งถ้าขนาดของชุมชนใหญ่และมีผู้ใช้มากหน้าหลายตาเข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่ไม่ซ้ำซากจนเกินไป ก็อาจเป็นสัญญาณที่ดีของโปรเจกต์นี้

ทว่า หากชุมชนมีขนาดเล็ก, เต็มไปด้วยบอทสแปมข้อความ หรือมีแต่การถกกันในเรื่องของราคาเพียงอย่างเดียวก็อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเกิดความผิดปกติขึ้นกับโปรเจกต์

6 การใช้งานจริงต้องน่าเชื่อถือ

โปรเจกต์ที่ดี ควรที่จะเป็นโปรเจกต์ที่มีแผนการนำโทเคนไปใช้งานให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่หวังลุ้นทำกำไรแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งนักเทรดสามารถประเมินข้อมูลเองได้

ทว่าโปรเจกต์ดังกล่าว ต้องมีแผนการที่ดูจับต้องได้และไม่ควรเป็นการโฆษณาเชิญชวนจนเกินจริง 

7 มีการตรวจสอบโค้ดสัญญา Smart contract

ประเด็นถัดมาคือเรื่องของโค้ดสัญญา Smart Contract ที่โปรเจกต์ควรจะเปิดเผยเป็นข้อมูลออนเชน และควรที่จะมีหน่วยงานภายนอกเข้ามาตรวจสอบ โดยถ้าโปรเจกต์ที่สนใจไม่มีการยืนยันในเรื่องดังกล่าว หรือทีมงานไม่ได้มีการกล่าวถึงในเรื่องของการตรวจสอบนี้ ให้นักเทรดระวังตัวไว้ก่อนจะเป็นการดีที่สุด

8 การระดมทุนต้องโปร่งใส

การระดมทุนผ่านการซื้อโทเคนไม่ควรจะเป็นการระดมทุนโดยตรงระหว่าง Wallet ของโปรเจกต์กับนักลงทุนเพราะมีความเสี่ยงที่สูงกว่า (แต่ก็ไม่เสมอไป) ดังนั้นหากมีช่องทางการระดมทุนอื่น ๆ เช่น IDO หรือ Launchpad จะยิ่งทำให้โปรเจกต์น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

9 สภาพคล่องต้องแน่น

ในจุดนี้อาจจะตรวจสอบยากสักหน่อย แต่หากสามารถทำได้จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก โดยโปรเจกต์ที่มีสภาพคล่องน้อยหรือไม่ได้มีการล็อกเอาไว้มักมีความเสี่ยงที่สูง ดังนั้นเราจึงสามารถใช้ข้อมูลในจุดนี้เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของโปรเจกต์ได้

10 สามารถขอเงินคืน หรือถอนเหรียญได้

สุดท้ายนี้ ทริคที่กล่าวถึงอาจไม่ใช้วิธีป้องกันได้ตั้งแต่แรก แต่เป็นวิธีที่อาจช่วยยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยปกติแล้วถ้าการระดมทุนไม่สำเร็จตามเป้า ทางโปรเจกต์ก็ควรที่จะคืนเงินนักลงทุน แต่ถ้าหากไม่มีการคืนเงินเมื่อยื่นเรื่องไปแล้ว ให้พึงนึกไว้เลยว่าตนอาจตกเป็นเหยื่อแล้ว และอย่าหลงเชื่อคำแนะนำให้ “เติมเงินเพิ่ม” เพื่อหวังจะได้ทุนเดิมคืน เพราะนั่นอาจเป็นกับดักจากมิจฉาชีพที่ต้องการดูดเงินคุณซ้ำอีกครั้ง

ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือ การถอนเหรียญโทเคนออกมา ซึ่งหากช่วงการระดมทุนสิ้นสุดลงแล้ว แต่นักลงทุนยังไม่ได้รับเหรียญหรือไม่สามารถถอนเหรียญออกมาได้ อาจหมายความได้ว่าโปรเจกต์ดังกล่าวเป็นสแกม