<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Nike! ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านดอลลาร์ กรณียุบโปรเจกต์ ‘NFT RTFKT’  โดยไม่แจ้งล่วงหน้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Nike กำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องกลุ่มจากกลุ่มผู้ซื้อ NFT ที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ RTFKT สตูดิโอที่ Nike เข้าซื้อกิจการในปี 2021 โดย Jagdeep Cheema ตัวแทนจากกลุ่มผู้เสียหาย กล่าวหาว่า Nike ปิดโปรเจกต์นี้โดยไม่แจ้งล่วงหน้าและไม่เปิดเผยว่า NFT เหล่านี้เป็น “หลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน”จากคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) 

หากพวกเขาทราบข้อมูลนี้ก่อน พวกเขาอาจจะไม่ซื้อ NFT เหล่านั้น คดีนี้ถูกยื่นฟ้องในศาลรัฐบาลกลางบรู๊คลินเมื่อวันที่ 25 เมษายน โดยมีการเรียกร้องค่าเสียหายมูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ​

คดีฟ้องร้องกลุ่มระบุว่า นักลงทุนได้รับความเสียหายจากการที่ Nike ปิดแพลตฟอร์ม NFT ของตน แหล่งที่มา: CourtListener

แม้ศาลสหรัฐฯ ยังไม่ตัดสินว่า NFTs ถือเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ แต่ในจดหมายวันที่ 9 เมษายนที่ส่งถึง SEC ตลาด OpenSea ได้ขอให้ยกเว้น NFTs จากกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง โดยชี้ว่า NFTs ไม่ตรงตามคำจำกัดความทางกฎหมายของหลักทรัพย์ของหน่วยงานกำกับดูแลล

ในคดีฟ้อง Nike แบบกลุ่มผู้ฟ้องกล่าวว่า ศาลไม่จำเป็นต้องตัดสินสถานะทางกฎหมายของ NFTs เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีนี้

มูลค่าตลาด NFT ลดลงหลังจากที่ Nike เข้าซื้อกิจการ RTFKT Studios ในปี 2021 จากคำฟ้องของผู้ถือ NFT ของ Nike ได้รับการบอกว่าโทเคนเหล่านี้สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ในตลาดรองและใช้ในการทำภารกิจที่อาจนำไปสู่รางวัล

คอลเลกชัน NFT “Crypto Kick” ของ Nike เคยมีการซื้อขายที่ราคาเฉลี่ย 3.5 ETH  (ประมาณ 8,000 ดอลลาร์) เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2022 แต่จนถึง 21 เมษายน 2022 ราคาลดลงเหลือประมาณ 0.009 Ether หรือราว 16 ดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก OpenSea

มูลค่า Nike NFTs ลดลงอย่างหนัหกตั้งแต่เริ่มมีการเปิดขายครั้งแรก ที่มา: OpenSea

Nike ปิดตัวโปรเจกต์ RTFKT ในเดือนมกราคม ซึ่งส่งผลทำให้นักลงทุนขาดทุนเมื่อ “ราคาร่วงและยังไม่ฟื้นตัว” และยังทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมภารกิจและการท้าทายที่เคยบอกว่าจะได้รับรางวัล ซึ่งกลุ่มผู้ฟ้องอ้างว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาซื้อโทเคนนี้

คดีฟ้องร้องนี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ NFT และความรับผิดชอบของบริษัทในตลาดดิจิทัลที่กำลังเติบโต ซึ่งส่งผลให้ตลาด NFT โดยรวมร่วงลดลงอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยมูลค่าลดลงถึง 63% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เหลือเพียง 1.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงมกราคมถึงมีนาคม 2025 จาก 4.1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2024

ที่มา: cointelegraph