เหตุการณ์ดราม่าการเมืองที่เริ่มจาก Bitcoin กลายเป็นเรื่องใหญ่จนเกือบล้มรัฐบาลสาธารณรัฐเช็ก เมื่อรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมถูกเปิดโปงว่า ได้รับเงินบริจาคกว่า 45 ล้านดอลลาร์ จากนักโทษในคดีอาชญากรรมบนเว็บมืด (darknet)
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรี Petr Fiala รอดพ้นจากการถูกโค่นล้มในสภา ด้วยคะแนนโหวต 98 ต่อ 94 โดยมี ส.ส. เข้าร่วมลงคะแนนทั้งหมด 192 คน ตามวิดีโอจากสภาผู้แทนราษฎรของประเทศ ทำให้รัฐบาลนี้ยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้
นี่ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่รัฐบาลชุดนี้เผชิญกับการลงมติไม่ไว้วางใจ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2021
นายกฯ Petr Fiala โพสต์ข้อความหลังการลงมติว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้ และรัฐบาลก็ยังอยู่ต่อ” พร้อมวิจารณ์ฝ่ายค้านว่า “ใช้โอกาสนี้ในการใส่ร้าย ป้ายสี และพูดเท็จ”
เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่ Pavel Blazek รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น ถูกเปิดเผยว่า ได้รับ Bitcoin จำนวน 468 BTC (มูลค่ากว่า $45 ล้านดอลลาร์) จาก Tomas Jirikovsky ซึ่งเคยถูกตัดสินว่า มีความผิดในคดียาเสพติดบนเว็บมืด (darknet)
ฝ่ายวิจารณ์กล่าวว่า การจัดการของ Blazek อาจหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของตำรวจ และอาจเป็นการฟอกเงินจากแหล่งผิดกฎหมาย
Bitcoin เหล่านี้เคยถูกยึดโดยทางการมาก่อน แต่ถูกส่งคืนกลับไปให้ Tomas Jirikovsky เนื่องจากข้อผิดพลาดทางกฎหมาย และต่อมารัฐบาลของ Pavel Blazek ก็นำ Bitcoin เหล่านี้ไปขาย โดยจัดสรร รายได้ประมาณ 30% ให้กับรัฐ ทำให้ถูกตั้งคำถามว่า แล้วรายได้จาก Bitcoin ที่เหลือ “หายไปไหน?”
Pavel Blazek ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ท่ามกลางแรงกดดันจากสังคมและฝ่ายการเมือง แต่เขายังยืนยันว่า “ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย”
Eva Decroix เข้ารับตำแหน่งแทน ในวันที่ 10 มิถุนายน และได้สั่งตรวจสอบธุรกรรม Bitcoin ดังกล่าว พร้อมให้คำมั่นว่า จะให้ความร่วมมือเต็มที่กับการสืบสวน
แม้ว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Petr Fiala จะรอดจากมติไม่ไว้วางใจ แต่เรื่องอื้อฉาวนี้กลับเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรค ANO ที่นำโดยมหาเศรษฐี Andrej Babis โจมตีรัฐบาลอย่างหนักว่า “ล้มเหลวในการกำกับดูแลคริปโต และทำให้ประชาชนหมดศรัทธา”
ขณะที่การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาจะมีขึ้นวันที่ 3–4 ตุลาคมนี้ ผลโพลล่าสุดระบุว่า พรรค ANO มีคะแนนนำ 32% ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล SPOLU (รวมถึงพรรคของ Petr Fiala ) มีผลคะแนนเพียง 20%
ที่มา : decrypt