เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรรัฐโอไฮโอ มีมติผ่านร่างกฎหมายที่ชื่อว่า “Ohio Blockchain Basics Act” หรือร่าง HB 116 ด้วยคะแนนเสียง 68 ต่อ 26 เสียง โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือ การคุ้มครองผู้ใช้งานคริปโทฯ และนักขุด Bitcoin ในรัฐ พร้อมทั้งลดภาระภาษี และข้อจำกัดที่ไม่จำเป็นในการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล โดยหวังว่าจะทำให้โอไฮโอก้าวทันกับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล และกลายเป็นมิตรกับเทคโนโลยีบล็อกเชนมากยิ่งขึ้น
ซึ่งร่างกฎหมาย HB 116 จะถูกส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาขั้นต่อไป และหากได้รับการลงนามโดยผู้ว่าการรัฐ Mike DeWine ก็จะกลายเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ
โดยในเนื้อหาหลักของร่างกฎหมายนี้ มีข้อกำหนดห้ามไม่ให้หน่วยงานท้องถิ่นหรือรัฐเข้าไปแทรกแซงการใช้คริปโทเคอร์เรนซีในฐานะวิธีการชำระเงิน และต้องเคารพสิทธิ์ในการใช้กระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์ หรือแบบเก็บรักษาเหรียญด้วยตนเอง (self-custody) ของประชาชน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถขุดเหรียญจากที่บ้านได้ตามข้อกำหนดท้องถิ่น และให้ธุรกิจเหมืองคริปโทสามารถเปิดดำเนินการในเขตอุตสาหกรรมได้ หากเป็นไปตามข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
ที่สำคัญ ร่างกฎหมายนี้ยังห้ามไม่ให้มีการเปลี่ยนผังเมืองหรือแบ่งเขตพื้นที่เพื่อสกัดกั้นธุรกิจเหมืองแบบไม่เป็นธรรม และเปิดช่องทางให้ธุรกิจสามารถยื่นอุทธรณ์ได้หากพบว่าเกิดการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกันผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่าง ๆ บนบล็อกเชน เช่น การขุด, การ Staking, การแลกเปลี่ยน หรือการรัน Node ก็จะไม่ถูกจัดให้อยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมการโอนเงิน หรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และการลงทุน
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ดึงดูดความสนใจจากชุมชนคริปโทคือ มาตรการยกเว้นภาษีกำไรจากคริปโท สำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าต่ำกว่า 200 ดอลลาร์ หมายความว่า ผู้ใช้งานสามารถใช้ Bitcoin หรือเหรียญคริปโทฯอื่น ๆ ซื้อกาแฟ หรือของเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเสียภาษี ถือเป็นการเปิดทางให้คริปโทถูกใช้งานในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น
Steve Demetriou ผู้เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้กล่าวว่า “โอไฮโอกำลังจะส่งสัญญาณไปทั่วประเทศว่า เราพร้อมแล้วสำหรับเศรษฐกิจยุคใหม่ เทคโนโลยีบล็อกเชน และสินทรัพย์ดิจิทัล” พร้อมย้ำว่า หากร่างนี้ผ่านจนกลายเป็นกฎหมายจริง รัฐโอไฮโอจะเป็นหนึ่งในรัฐแรกของสหรัฐฯ ที่มีกฎหมายรองรับเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้อย่างสมเหตุสมผล และเป็นรูปธรรม
ที่มา : decrypt