<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กระเป๋าเงินยุคซาโตชิเริ่มขยับ ! โอน Bitcoin มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังไม่เคลื่อนไหวมานาน 14 ปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

วงการคริปโตถึงกับสะเทือน  เมื่อกระเป๋า Bitcoin ปริศนาที่ไม่ได้ขยับมานานกว่า 14 ปี ตั้งแต่ยุคของ Satoshi อยู่ดี ๆ ก็ทำการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ด้วยการโอน Bitcoin จำนวน 10,000 BTC คิดเป็นมูลค่าราว ๆ 1,090 ล้านดอลลาร์ ทำเอานักวิเคราะห์และนักเทรดทั่วโลกต้องหันมาจับตา ว่านี่คือสัญญาณอะไรบางอย่าง หรือแค่เจ้าของเก่าเพิ่งหา private key เจอกันแน่?

ตามข้อมูลบนบล็อกเชน กระเป๋าที่อยู่ 12tLs9c9RsALt4ockxa1hB4iTCTSmxj2me เคยได้รับ Bitcoin จำนวนนี้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2011 ในตอนที่ราคา BTC ยังอยู่แค่เหรียญละ 0.78 ดอลลาร์ เท่านั้น  หรือพูดง่าย ๆ ว่ามูลค่ารวมของ Bitcoin ทั้งหมดในเวลานั้นมีแค่ 7,805 ดอลลาร์ แต่วันนี้กลับกลายเป็นสมบัติล้ำค่ากว่าพันล้าน  

ที่อยู่กระเป๋าเงิน Bitcoin โอนย้าย Bitcoin มูลค่า 1.09 พันล้านดอลลาร์ ที่มา : BitInfoCharts

การโอน Bitcoin ครั้งนี้เกิดขึ้นผ่านธุรกรรมเพียงครั้งเดียว โดยมีการโอน 10,000 BTC ออกจากกระเป๋าแบบหมดเกลี้ยง ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเหรียญยุคแรก ที่ไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อนตลอด 14 ปี

ที่น่าสนใจคือกระเป๋าใบนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนที่ Ethereum จะถือกำเนิด ก่อนที่ Binance จะเปิดตัว และก่อนที่นักลงทุนสถาบันจะสนใจคริปโตด้วยซ้ำ แปลว่าคนที่ถือเหรียญนี้คือกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าสู่โลก Bitcoin อย่างแท้จริง

แม้จะไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของกระเป๋านี้ แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตกันตามสูตรว่าอาจเกี่ยวกับ Satoshi Nakamoto อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บนบล็อกเชนยืนยันแล้วว่า ที่อยู่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระเป๋าที่เคยเชื่อมโยงกับ Satoshi

การที่เจ้าของกระเป๋าเลือกย้ายเหรียญตอนนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะราคาของ Bitcoin เพิ่งกลับมาแตะ $100,000 แถมตลาดยังมีสภาพคล่องดีขึ้นจากการเปิดตัว Bitcoin ETF หลายตัวในปีนี้ จึงเป็นไปได้ว่าเจ้าของอยากใช้จังหวะนี้ในการขายทำกำไร หรืออาจแค่โอนเก็บไว้ในกระเป๋าใหม่ที่ปลอดภัยกว่าเดิม

กระแสนี้ยังสอดคล้องกับเทรนด์ของเศรษฐี Bitcoin ที่กำลังเพิ่มขึ้น โดยในครึ่งปีแรกของปี 2025 มีกระเป๋าที่ถือครองมูลค่าเกิน 1 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นกว่า 26,000 ใบ

26,000 ใบ

แม้ธุรกรรมครั้งนี้จะมีมูลค่ามหาศาล แต่ราคาตลาดกลับไม่ได้ผันผวนมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะดีลนี้ทำแบบ OTC หรือแค่โอนภายในกระเป๋าของเจ้าของเดิม ไม่ได้เทขายในตลาดแต่อย่างใด

ที่มา : finbold