สภาผู้แทนราษฎรแห่งรัฐเพนซิลเวเนียได้มีการเสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่ (HB1812) ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ โดยมีเนื้อหาห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและครอบครัวใกล้ชิดถือครอง Bitcoin หรือสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทอื่นๆ หากฝ่าฝืนอาจต้องเผชิญบทลงโทษรุนแรงถึงขั้นจำคุก
ร่างกฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขกฎหมายจริยธรรมและการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ประเภทใหม่นี้
ข้อเสนอในร่างกฎหมายนี้ครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภทอย่างกว้างขวาง โดยนอกจาก Bitcoin แล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐจะถูกห้ามไม่ให้ถือครอง
- สกุลเงินดิจิทัลทางเลือก (Altcoins) ซึ่งรวมถึง Memecoin
- โทเคนที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ (NFTs)
- แม้กระทั่ง Stablecoins
นอกจากนี้ การแบนยังรวมถึงการถือครองคริปโตผ่านช่องทางต่างๆ เช่น กองทุน, ทรัสต์, ตราสารอนุพันธ์ และกองทุน ETF ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงปีที่ผ่านมา
ตามร่างกฎหมายฉบับนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดที่มีในครอบครองภายในสองเดือนหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังจะถูกห้ามไม่ให้เป็นเจ้าของคริปโตเป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากพ้นจากตำแหน่งราชการอีกด้วย
หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ อาจต้องเผชิญกับโทษปรับทางแพ่งสูงสุดถึง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่สำคัญไปกว่านั้น การละเมิดกฎหมายจริยธรรมอาจถูกพิจารณาเป็นความผิดทางอาญาร้ายแรง (Felony) ซึ่งมีโทษถึงขั้นจำคุก
ในขณะนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการทางนิติบัญญัติ โดยเพิ่งถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการฝ่ายปกครองแห่งรัฐเพื่อพิจารณา ซึ่งหมายความว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าร่างกฎหมายนี้จะผ่านความเห็นชอบในท้ายที่สุดหรือไม่
ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อจำกัดใดๆ ที่ห้ามสมาชิกรัฐสภาของสหรัฐฯ ในการถือครอง Bitcoin แต่พวกเขาจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายการเปิดเผยข้อมูลที่มีอยู่ โดยมีสมาชิกรัฐสภาหลายคนจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตที่เคยเปิดเผยการถือครองคริปโตของตน ซึ่งรวมถึง ไมเคิล คอลลินส์, แบร์รี มัวร์ และ เจฟฟรีย์ แจ็กสัน
ที่มา: u.today

