Chainalysis แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง ล่าสุดได้จัดทำรายงานประจำปีครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นการรายงานดัชนีการยอมรับคริปโตของนานานประเทศทั่วโลก ผ่านทั้งการดูข้อมูลแบบ on-chain และนอกเชน โดยปีนี้เรียกได้ว่าฝั่งเอเชียมาแรงมาก ๆ
สำหรับงานวิจัยดังกล่าวจัดทำขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์และการใช้งานจริงของคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งการจัดทำข้อมูลในครั้งนี้จะประกอบไปด้วยการวัดลำดับผ่าน 4 ปัจจัยได้แก่
- มูลค่ารวมของคริปโตที่ผู้ใช้ในประเทศนั้นๆ ได้รับบนบล็อกเชนและส่งไปยังกระเป๋าเงินที่อยู่บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ โดยถ่วงน้ำหนักด้วย GDP
- มูลค่าคริปโตเคอร์เรนซีของลูกค้ารายย่อยที่ได้รับบนเชนโดยแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ และถ่วงน้ำหนักด้วย GDP ต่อหัว โดยปรับตามกำลังซื้อ
- มูลค่าคริปโตเคอร์เรนซีที่ได้รับบนเชนโดยโปรโตคอล DeFi ถ่วงน้ำหนักด้วย GDP ต่อหัว โดยปรับตามกำลังซื้อ
- มูลค่าคริปโตเคอร์เรนซีของสถาบันที่ได้รับบนเชนโดยบริการแบบรวมศูนย์, ถ่วงน้ำหนักด้วย GDP ต่อหัว โดยปรับตามกำลังซื้อ
และจากปัจจัยดังกล่าว Chainalysis ได้จัดลำดับ 20 ประเทศที่มีการเปิดรับคริปโตมากที่สุดในปี 2025 ดังนี้
- 1.อินเดีย
- 2.สหรัฐฯอเมริกา
- 3.ปากีสถาน
- 4.เวียดนาม
- 5.บราซิล
- 6.ไนจีเรีย
- 7.อินโดนิเซีย
- 8.ยูเครน
- 9.ฟิลิปปินส์
- 10.รัสเซีย
- 11.สหราชอาณาจักร
- 12.เอธิโอเปีย
- 13.บังกลาเทศ
- 14.ตุรกี
- 15.เกาหลีใต้
- 16.เยเมน
- 17.ไทย
- 18.เวเนซุเอลา
- 19.ญี่ปุ่น
- 20.อาร์เจนตินา
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ชัดเจนว่าตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (APAC) เป็นภูมิภาคที่อัตราการยอมรับโตเร็วที่สุดด้วยตัวเลขที่สูงถึง 69% หรือกว่าสองเท่าตัว หากนับปีต่อปี ส่วนมูลค่าธุรกรรมยังเพิ่มขึ้นจาก $1.4 ล้านล้าน ไปยัง $2.36 ล้านล้านด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความนิยมในอินเดีย เวียดนาม และปากีสถาน
ขณะเดียวกัน ภูมิภาค ลาตินอเมริกามีอัตราการยอมรับคริปโตเพิ่มขึ้น 63% ตามด้วยภูมิภาค ซับ-ซาฮาราน แอฟริกา ที่ 52% แสดงให้เห็นว่าในขณะนี้ทั่วโลกต่างพร้อมแล้วที่จะนำคริปโตเข้ามาใช้งานในชีวิตประจำวัน

นอกเหนือจาก 20 ประเทศแล้วทาง Chainalysis ยังได้จัดทำบทวิเคราะห์อื่น ๆ ภายในรายงานเช่น เหรียญใดบ้างที่นักลงทุนใช้เงินเฟียตเข้าซื้อผ่านเว็บซื้อขายแบบรวมศูนย์ซึ่งผลปรากฏว่า “บิตคอยน์” ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในผลสำรวจนี้ ตามมาด้วย Layer 1 , Stablecoin และ Altcoin โดยที่เหรียญของ Exchange และ Privacy coin ได้รับความนิยมน้อยที่สุดตลอดปีที่ผ่านมา

หากนับเป็นฝั่งของสกุลเงินเฟียตแล้ว US Dollar ยังคงเป็นสกุลเงินที่นักลงทุนนำมาแปลงเป็นคริปโตมากที่สุด ตามด้วย วอนเกาหลีใต้ และยูโร

ผลสำรวจยังชี้อีกว่าคริปโตไม่ใช่เรื่องของคนรวยเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะประเทศที่มีรายได้มาก ปานกลาง กลางตอนบน กลางตอนล่าง น้อย หรือต่ำกว่าเกณฑ์ ต่างก็ให้ความสนใจและเริ่มยอมรับคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้เรื่องคริปโตนั้นเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม Chainalysis ได้มองว่าประเทศที่มีรายได้น้อยมักจะเกิดความผันผวนมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อครั้นปี 2021 ที่สหรัฐฯมีการปฏิเสธคริปโต จำนวนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในประเทศเปราะบางเหล่านี้แทบจะเลือนหายไปกันหมด ทำให้ถึงแม้สัญญาณบวกจะเป็นของจริง แต่ประเทศเหล่านี้ก็ยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ที่มา : Chainalysis
