หากคุณเคยเจอปัญหาโอนคริปโตออกจากเว็บเทรด Binance แล้ว “เงินไม่เข้า” หรือ “เงินค้างนานผิดปกติ” โดยเฉพาะในช่วงที่เครือข่ายมีการใช้งานหนาแน่น หรืออาจเกิดจากความผิดพลาดเล็กน้อยในการกรอกข้อมูล ทำให้เรื่องยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้น
บทความนี้ ทางสยามบล็อกเชนได้สรุป 10 เช็คลิสต์ที่คุณสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ภายในเวลาเพียง 10 นาที พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขสำหรับแต่ละสถานการณ์ เช่น กรณีโอนผิดเครือข่าย ลืมใส่ Memo/Tag หรือ กรณีการถอนที่ค้าง เพื่อให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วที่สุด
10 เช็คลิสต์แก้ปัญหาแบบเร็ว (ทำตามลำดับ)
1) เช็กสถานะธุรกรรมใน Binance ก่อน
เริ่มต้นจากการเข้าไปที่ Wallet จากนั้นเลือก Transaction History และไปที่ Withdrawals เพื่อดูสถานะธุรกรรมของคุณ
- Processing/Confirming: หมายถึงระบบกำลังดำเนินการส่ง หรือรอการยืนยัน
- Completed หมายถึง Binance ได้ส่งคริปโตออกจากแพลตฟอร์มของคุณเรียบร้อยแล้ว และจะมี TxID (Transaction ID) แสดงขึ้นมา
หากสถานะยังคงเป็น Processing นานผิดปกติ ให้ข้ามไปที่ข้อ 7 และ 8 ได้เลย


คลิกประวัติธุรกรรม คุณจะเห็นประวัติการฝากหรือถอนเงินทั้งหมดของคุณที่นี่ คุณสามารถดู TxID ได้ที่ [TxID]

2) ดูให้ชัดว่า “ถอนผ่านเครือข่ายไหน”
เมื่อถอนเงินจาก Binance สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเลือกเครือข่ายให้ตรงกับเครือข่ายที่กระเป๋าปลายทางรองรับเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ERC20 ( Ethereum), BEP20 (BSC), TRC20 (Tron), Solana หรือ Arbitrum และ Base ฯลฯ

ตัวอย่างความผิดพลาดที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุให้เงินไม่เข้า คือ การเลือกโอนผ่านเครือข่าย BEP20 แต่กระเป๋าปลายทาง รองรับเพียงแค่ ERC20 เท่านั้น
3) คัดลอก TxID เพื่อตรวจสอบบนบล็อกเชน (Block Explorer)
หากสถานะธุรกรรมของคุณเป็น Completed ให้คัดลอก TxID แล้วนำไปตรวจสอบบน Block Explorer ของเครือข่ายนั้นๆ
- ถ้าพบว่า ไม่มีการยืนยัน หรือสถานะขึ้นเป็น Pending จำนวนมาก แสดงว่าเครือข่ายมีการใช้งานหนาแน่น ให้คุณรออย่างใจเย็น
- แต่ถ้าสถานะขึ้นเป็น Success/Confirmed และมีการยืนยันจากบล็อกจำนวนมากแล้ว แต่เงินยังไม่เข้าที่ปลายทาง ให้ไปตรวจสอบต่อในข้อ 4 ถึง 6
หากคุณใช้เครือข่าย Ethereum (ERC20) สำหรับธุรกรรมของคุณ ระบบจะนำคุณไปยัง Etherscan แต่หากคุณใช้ BNB Smart Chain (BEP20) ระบบจะนำคุณไปยัง BscScan
ยกตัวอย่าง กรณีที่เป็น BscScan



4. ตรวจสอบ Memo/Tag/Payment ID สำหรับเหรียญที่จำเป็นต้องใช้
เช่น XRP (ใช้ Tag), XLM (ใช้ Memo), EOS (ใช้ Memo) หรือ BNB Beacon/BEP2 (ใช้ Memo) จำเป็นต้องใช้ข้อมูลระบุตัวตน เพิ่มเติมในการโอน
หากคุณ กรอกข้อมูลส่วนนี้ผิดพลาด หรือลืมกรอกข้อมูล ระบบปลายทางจะไม่ทราบว่าเป็นธุรกรรมของใคร ทำให้ไม่สามารถนำยอดเงินเข้าสู่บัญชีของคุณได้
ซึ่งในกรณีนี้ คุณจะต้อง เปิดเคสเพื่อติดต่อกับแพลตฟอร์มปลายทาง พร้อมแนบข้อมูลสำคัญ ได้แก่ TxID, Address, เวลา, จำนวน และ แคปภาพหน้าจอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้คุณ

ที่มาภาพ : binance
5) เช็กยอดฝากขั้นต่ำ Minimum Deposit และ ค่าธรรมเนียมของปลายทาง
แพลตฟอร์มบางแห่งจะกำหนด ยอดฝากขั้นต่ำ ไว้ เช่น จะไม่รับเงินฝากที่ต่ำกว่า 5 USDT และในกรณีเช่นนี้ เงินของคุณจะไม่ถูกนำเข้าบัญชี และอาจไม่ได้รับการคืนเงินด้วย ดังนั้น ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง ให้ตรวจสอบหน้า Deposit rules ของแพลตฟอร์มปลายทางให้ละเอียด
ยกตัวอย่างเช่น สำหรับ Bitcoin เงินฝากขั้นต่ำคือ 0.00000001 BTC

ที่มาภาพ : dappgrid
6) ตรวจสอบ เหรียญ “เข้าแล้ว แต่ไม่โชว์” — ลอง Add Token/Contract และเช็ก “เครือข่ายที่แสดง”
หากเหรียญถูกโอนเข้าบัญชีของคุณเรียบร้อย แต่ยอดไม่แสดงผลในกระเป๋า ให้ลอง Add Token/Contract และตรวจสอบว่า คุณกำลังอยู่ในเครือข่ายที่ถูกต้อง



ที่มาภาพ : binance
ในกรณีของกระเป๋าแบบ self-custody เช่น MetaMask คุณอาจต้องเพิ่ม Custom Token โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณเลือกเครือข่ายที่ถูกต้องแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจกำลังอยู่ในเครือข่าย Ethereum แต่เหรียญที่โอนมานั้นอยู่บนเครือข่าย BSC ซึ่งทำให้ยอดเงินไม่แสดงขึ้นมา เพียงแค่คุณสลับเครือข่าย คุณก็จะเห็นยอดเงินของคุณตามปกติ
7. เช็กประกาศแจ้งการปิดปรับปรุง (Maintenance) หรือความล่าช้าจาก Binance หรือแพลตฟอร์มปลายทาง
ในบางช่วงเวลา อาจมีการ ปิดรับเงินฝาก อัปเกรดเครือข่าย หรือ การเข้าคิวถอนเงินที่ช้ากว่าปกติ ซึ่งสถานะการทำธุรกรรมของคุณจะค้างอยู่ที่ Processing หรือ Confirming เป็นเวลานานกว่าปกติ หากเกิดกรณีนี้ขึ้น สิ่งที่คุณทำได้คือรอ
8. ตรวจสอบสถานะความปลอดภัยของบัญชี (Risk Hold/Freeze)
หากคุณเพิ่งเปลี่ยนรหัสผ่าน, รีเซ็ตการยืนยันตัวตนแบบ 2FA, เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้เข้าสู่ระบบ หรือทำผิดนโยบายของแพลตฟอร์ม ระบบอาจระงับการถอนเงินของคุณไว้ชั่วคราวเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัย โปรดตรวจสอบการแจ้งเตือนในหน้า Security ของบัญชีคุณเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนนี้

ที่มาภาพ : Binance
9. กรณีคลาสสิก : โอนผิดเครือข่าย — ประเมินโอกาสกู้คืน
การโอนผิดเครือข่ายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และโอกาสในการกู้คืนจะขึ้นอยู่กับลักษณะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
- โอนจาก EVM ไป EVM ชนิดเดียวกัน (แต่ผิดเครือข่าย): เช่น การโอน USDT ที่เป็น BEP20 ไปยังกระเป๋าของคุณเองที่ใช้ MetaMask ในกรณีนี้มีโอกาสกู้คืนสูงมาก เพียงแค่คุณ สลับเครือข่าย หรือ เพิ่มโทเค็น ที่ถูกต้อง คุณก็จะสามารถเห็นเหรียญของคุณได้ทันที
- โอนไปยัง CEX (กระดานเทรด): หากคุณโอนผิดเครือข่ายไปยังกระเป๋าของกระดานเทรด คุณจะต้อง เปิดเคสเพื่อขอให้ฝ่ายซัพพอร์ตของกระดานเทรดนั้นช่วยกู้คืน ซึ่งอาจมีค่าธรรมเนียมและไม่มีการรับประกันว่าจะกู้คืนได้เสมอไป
- โอนต่างสถาปัตยกรรม: เช่น การโอนเหรียญ TRC20 ไปยัง Address ของ ERC20 ที่อยู่บนกระดานเทรด โอกาสในการกู้คืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อปลายทางรองรับและยินดีที่จะดำเนินการกู้คืนให้คุณ
สรุปง่ายๆ คือ โอกาสในการกู้คืนขึ้นอยู่กับว่า ปลายทางมีสิทธิ์เข้าถึงคีย์ของ Address นั้นหรือไม่ หากมี โอกาสที่จะกู้คืนได้ก็จะสูงขึ้น แต่หากไม่โอกาสก็มีน้อยมาก
10. เปิดเคสขอความช่วยเหลือจากทีมซัพพอร์ตอย่างมืออาชีพ
การเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนตามเทมเพลตด้านล่าง จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และลดการสื่อสารที่ต้องถามย้อนกลับไปมา
สรุปตามสถานการณ์ยอดฮิต
- เงินค้าง (Processing/Confirming นาน): คุณควร รอ ให้เครือข่ายกลับมาทำงานปกติ หรือเมื่อการเข้าคิวถอนเงินลดลง นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบประกาศแจ้งการปิดปรับปรุง (Maintenance) และสถานะความปลอดภัยของบัญชี (Security hold) ตามที่อธิบายไว้ในหัวข้อที่ 7 และ 8 และหากเกินเวลาที่กำหนดไว้ ควรเปิดเคสขอความช่วยเหลือกับทาง Binance พร้อมแนบ TxID และหน้าประวัติการทำธุรกรรม
- Completed บนเชนแล้ว แต่ปลายทางไม่เครดิต: ให้ตรวจสอบว่า คุณเลือก เครือข่าย ถูกต้องหรือไม่ (ข้อ 2) และยอดฝากของคุณถึง ขั้นต่ำ ที่ปลายทางกำหนดไว้หรือไม่ (ข้อ 5) จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่า โทเค็นได้ถูกโอนเข้าบัญชีปลายทางจริงโดยดูจาก Explorer แล้วจึงเปิดเคสกับแพลตฟอร์มปลายทางพร้อมแนบหลักฐานให้ครบถ้วน
- ใส่ Memo/Tag ผิด/ลืมใส่: ในกรณีนี้ Binance ได้ทำธุรกรรมสำเร็จแล้ว จึงไม่ใช่ความรับผิดชอบของทางผู้ส่ง โอกาสเดียวที่จะกู้คืนได้คือการ เปิดเคสกับแพลตฟอร์มปลายทาง เท่านั้น เตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อมและรอให้ทีมเทคนิคของปลายทางตรวจสอบ
- โอนผิดเครือข่าย
- โอนไปวอลเล็ตตัวเอง (EVM): หากคุณโอนผิดเครือข่ายไปยังกระเป๋าเงินของคุณเอง เพียงแค่ สลับเครือข่าย หรือ เพิ่มโทเค็น ที่ถูกต้อง คุณก็จะเห็นยอดเงินของคุณ
- โอนไปกระดานเทรด/วอลเล็ตที่ไม่รองรับ: ให้ เปิดเคสขอให้ปลายทางช่วยกู้คืน แต่ต้องเข้าใจว่า กระบวนการนี้ไม่มีการรับประกันว่าจะสำเร็จเสมอไป ขึ้นอยู่กับนโยบายและความสามารถด้านเทคนิคของแพลตฟอร์มปลายทาง
เทมเพลตสำหรับเปิดเคสขอความช่วยเหลือ (สามารถคัดลอกไปใช้ได้เลย)
หัวข้อ: ขอความช่วยเหลือกรณีฝาก/ถอนคริปโตไม่เข้า
รายละเอียด:
- เหรียญ/เครือข่าย: (เช่น USDT-TRC20 / USDT-ERC20 / BNB-BEP20)
- จำนวนที่โอน: (เช่น 250 USDT)
- ที่อยู่ผู้รับ: (วาง Address แบบเต็ม)
- Memo/Tag (ถ้ามี): (ระบุตัวเลข/ค่าที่ส่งจริง หรือเขียนว่า “ลืมใส่/ใส่ผิด”)
- เวลาที่โอน (UTC/เวลาท้องถิ่น): (ระบุวันและเวลา)
- TxID / Transaction Hash: (วางลิงก์หรือแฮชของธุรกรรม)
- ภาพหน้าจอประวัติธุรกรรมจากทั้งสองฝั่ง: (แนบไฟล์ภาพ)
- คำอธิบายสั้นๆ: (เช่น “ถอนค้าง”, “Completed แล้วแต่ปลายทางไม่เครดิต”, “โอนผิดเครือข่าย” หรือ “ลืม Memo”)
คุณสามารถส่งเคสนี้ไปยัง ฝ่ายปลายทาง (ที่ควรจะนำเงินเข้าบัญชีของคุณ) และทาง Binance (หากสถานะยังคงเป็น Processing หรือมีข้อผิดปกติอื่น ๆ)
แนวทางการป้องกัน : เช็คลิสต์ก่อนกดถอน
เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คุณสามารถใช้เช็คลิสต์เหล่านี้ก่อนการถอนเงินทุกครั้ง
- ตรวจสอบชื่อเหรียญและเครือข่าย ให้ตรงกับหน้าฝากของแพลตฟอร์มปลายทางเสมอ
- สำหรับเหรียญที่ต้องใช้ Memo/Tag ให้ใช้วิธี คัดลอกและวาง (Copy-Paste) จากหน้าฝากเท่านั้น
- ทดลองโอนด้วยจำนวนเงินน้อยๆ ในครั้งแรกเสมอ เพื่อทดสอบความถูกต้อง
- ใช้ฟังก์ชัน Address Book + Whitelist ใน Binance เพื่อล็อก Address ที่ถูกต้อง
- เลือกช่วงเวลาที่มี ค่าธรรมเนียมถูก และ เครือข่ายไม่หนาแน่น เพื่อลดความล่าช้าในการทำธุรกรรม
- บันทึก TxID และ ถ่ายภาพหน้าจอ การทำธุรกรรมไว้ทุกครั้ง เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากจำเป็นต้องเปิดเคสในภายหลัง
สรุป
ปัญหาเรื่องการถอนเงินจาก Binance ไม่ว่าจะเป็น “เงินไม่เข้า” “เงินค้าง” หรือ “โอนผิดเครือข่าย” ส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ หากคุณตรวจสอบ 3 จุดสำคัญให้ถูกต้อง ได้แก่ เครือข่าย ที่ตรงกัน , Memo/Tag ที่ถูกต้อง และ TxID ที่ได้รับการยืนยันบนบล็อกเชนแล้ว
หากธุรกรรมผ่านการยืนยันบนบล็อกเชนเรียบร้อย แต่เงินยังไม่เข้าบัญชีปลายทาง คุณต้องติดต่อแพลตฟอร์มปลายทางพร้อมแนบหลักฐานให้ครบถ้วน
ในกรณีที่ โอนผิดเครือข่าย โอกาสในการกู้คืนจะขึ้นอยู่กับว่าแพลตฟอร์มปลายทางสามารถเข้าถึง Private Key ของ Address นั้นได้หรือไม่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมทดลองโอนด้วยจำนวนเงินน้อยๆ ก่อนเสมอ เพื่อป้องกันความผิดพลาดและประหยัดเวลาของคุณ

