“ขึ้นบันไดเลื่อน ลงลิฟต์” ดูเหมือนจะเป็นคำกล่าวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตลาดคริปโตในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ใช้เวลาหลายวันในการไต่ระดับขึ้นมาอย่างยากลำบาก ผลกำไรทั้งหมดก็ถูกลบทิ้งไปอย่างรวดเร็วในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์
Bitcoin (BTC) ซึ่งเกือบจะทะลุระดับ 118,000 ดอลลาร์สหรัฐไปได้ในวันพฤหัสบดีหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ ได้ร่วงกลับลงมาอยู่ที่ 115,200 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลง 1.5% ในรอบ 24 ชั่วโมง และทำให้ผลตอบแทนในรอบสัปดาห์กลับมาอยู่ที่ “เท่าทุน”
ในขณะเดียวกัน Ether (ETH) ก็ได้ร่วงลงจากบริเวณ 4,750 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 4,450 ดอลลาร์ ลดลง 2.9% ในรอบ 24 ชั่วโมง และติดลบ 1.5% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนสองเหรียญที่ร้อนแรงที่สุดในสัปดาห์นี้อย่าง Solana (SOL) และ Dogecoin (DOGE) ก็กลับมาอยู่ที่ “เท่าทุน” ในรอบสัปดาห์เช่นกัน
เบื้องหลังการปรับฐาน พักตัวทางเทคนิค-รอข่าวดีใหม่
นักวิเคราะห์จาก CryptoQuant อย่าง Axel Adler Jr. คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจจะเข้าสู่ช่วง “พักฐาน” เป็นเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก่อนที่จะพยายามพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลอีกครั้ง โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันราคา BTC กำลังซื้อขายอยู่เหนือระดับ “ราคาที่รับรู้ของผู้ถือระยะสั้น” (STH realized price) ซึ่งเป็นแนวรับที่สำคัญทางสถิติ
ในขณะเดียวกัน ตลาดก็กำลังจับตาดูความคืบหน้าของ ร่างกฎหมายคลังสำรอง Bitcoin ของรัฐมิชิแกน (HB 4087) ซึ่งเพิ่งผ่านการพิจารณาในสภาล่างเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 19 กันยายน นักวิเคราะห์จาก Bitunix มองว่าข่าวนี้อาจช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นในระยะสั้น แต่ก็อาจสร้างความผันผวนได้เช่นกันหากมีความล่าช้าหรือการต่อต้านทางการเมืองเกิดขึ้น
สวนกระแส ‘เงินสถาบัน’ ยังคงไหลเข้าไม่หยุด
แม้ว่าราคาในตลาด Spot จะดูน่าอึดอัด แต่ “เงินทุนสถาบัน” กลับยังคงไหลเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกในระยะกลางถึงยาว
- Bitcoin Spot ETF มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิอีก 163.03 ล้านดอลลาร์ ในวันพุธที่ผ่านมา ทำให้ยอดรวมเงินไหลเข้าสะสมอยู่ที่ 5.749 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยกองทุน FBTC ของ Fidelity เป็นผู้นำด้วยยอดเงินไหลเข้า 97.35 ล้านดอลลาร์
- Ethereum Spot ETF มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิอย่างแข็งแกร่งถึง 213.07 ล้านดอลลาร์ ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันที่ดีที่สุดในสัปดาห์นี้ ทำให้ยอดรวมเงินไหลเข้าสะสมอยู่ที่ 1.387 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยกองทุน FETH ของ Fidelity เป็นผู้นำตลาดด้วยยอดเงินไหลเข้า 159.38 ล้านดอลลาร์
แนวรับ-แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตา
- Bitcoin (BTC) แนวต้านสำคัญอยู่ที่โซน 117,200–119,000 ดอลลาร์ หากทะลุผ่านไปได้อาจมุ่งหน้าสู่ 120,700 ดอลลาร์ ในทางกลับกัน หากราคาหลุดแนวรับที่ 114,000 ดอลลาร์ ก็อาจจะลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 111,000 และ 108,000 ดอลลาร์ได้
- Ethereum (ETH) แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 4,550 ดอลลาร์ หากผ่านไปได้อาจไปทดสอบโซน 4,700–4,800 ดอลลาร์อีกครั้ง แต่หากไม่สามารถยืนเหนือ 4,500 ดอลลาร์ ได้ แนวรับจะอยู่ที่ 4,400 และ 4,250 ดอลลาร์
ภาพทางเทคนิคยังคงให้ความหวัง
แม้ว่าภาพรวมจะดูน่าผิดหวังเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่รายวัน แต่ภาพทางเทคนิคของ Bitcoin ยังคงมีสัญญาณที่เป็นบวกอยู่
กราฟราคาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ก่อตัวขึ้นเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้น (Ascending Triangle) ที่ชัดเจน ซึ่งมีลักษณะเด่นคือการที่ราคาสามารถ “ยกฐาน” หรือสร้างจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (Higher Lows) ได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พยายามจะทะลุแนวต้านในแนวนอนที่บริเวณ 118,000 ดอลลาร์
การย่อตัวทุกครั้งนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนได้พบกับแนวรับที่เส้นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณของการเข้าซื้อสะสมอย่างต่อเนื่องและมุมมองที่เป็นบวกในหมู่นักเทรด ตราบใดที่ราคายังคงสร้างจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นได้ ฝั่ง Bull ก็ยังคงได้เปรียบอยู่ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตาคือ 118,000 ดอลลาร์
ที่มา: coindesk, finance.yahoo