ท่ามกลางแรงเทขาย Bitcoin ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนจำนวนมาก ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ผู้ร่วมก่อตั้ง Strategy และหนึ่งในผู้สนับสนุน Bitcoin ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ได้ออกมาไขปริศนาที่หลายคนสงสัย โดยชี้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแรงขายไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกลุ่ม “Bitcoin O.G.” หรือผู้ที่ถือครอง Bitcoin มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก แต่เขายืนยันว่านี่ไม่ใช่สัญญาณอันตราย แต่กลับเป็นเรื่อง “ดี” สำหรับ Bitcoin ในระยะยาว
“ตอนนี้ ผมคิดว่าแรงขายนั้นมาจากกลุ่ม Crypto OG ที่ร่ำรวยมาเป็นเวลานาน” เขากล่าวในพอดแคสต์ล่าสุด
‘รวยเหรียญ แต่จนเงินสด’ เหตุผลที่แท้จริงของการเทขาย
เซย์เลอร์ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ผู้ถือครองระยะยาวเหล่านี้จำเป็นต้องเทขายเหรียญของตนเองออกมา “ลองนึกภาพว่าคุณมีคนจำนวนมากที่ถือ Bitcoin มูลค่ามหาศาล แต่พวกเขาไม่สามารถนำมันไปค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อได้” “และเมื่อคุณไม่สามารถกู้เงินโดยใช้มันค้ำประกันได้… คุณก็จะพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะ ‘รวย Bitcoin แต่จนเงินสด’ (Bitcoin rich, but fiat poor) คือมี Bitcoin ล้นฟ้า แต่ไม่มีเงินดอลลาร์พอที่จะใช้จ่าย และเมื่อกู้ไม่ได้ ทางออกเดียวก็คือ ‘ฉันต้องขายมัน'” เซย์เลอร์อธิบาย
เขาเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับพนักงานยุคแรกๆ ของบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ ที่จู่ๆ ก็ร่ำรวยมหาศาลจากสิทธิ์ซื้อหุ้นในราคาถูก แต่พวกเขาไม่สามารถนำหุ้นนั้นไปค้ำประกันเงินกู้เพื่อซื้อบ้านหรือส่งลูกเรียนได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องขายหุ้นบางส่วนออกมาเพื่อเปลี่ยนความมั่งคั่งบนกระดาษให้กลายเป็นเงินสดที่จับต้องได้ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาหมดความเชื่อมั่นในบริษัทแต่อย่างใด “มันเป็นเพียงเพราะพวกเขามีลูกที่ต้องส่งเสียเข้าเรียนมหาวิทยาลัย พวกเขาต้องการซื้อบ้าน พวกเขาต้องการมีชีวิตที่สะดวกสบาย” เซย์เลอร์กล่าว
การเทขายคือ ‘เรื่องดี’ ที่จะช่วยลดความผันผวน
แต่เซย์เลอร์กลับมองว่า การที่ Bitcoin O.G. ขายเหรียญออกมา “เท่าที่พวกเขาจำเป็น” นั้น จริงๆ แล้วเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อ BTC เพราะมันเป็นการกระจายเหรียญที่เคยกระจุกตัวอยู่กับคนเพียงไม่กี่กลุ่มออกไปสู่ตลาดในวงกว้าง และที่สำคัญที่สุดคือ มันจะช่วย “ลดความผันผวน” ของสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำนี้
ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่รู้สึกสบายใจมากขึ้นในการเข้ามาลงทุนใน BTC “คุณต้องการให้ความผันผวนลดลง เพื่อให้กองทุนยักษ์ใหญ่รู้สึกสบายใจที่จะเข้ามาในตลาดนี้ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล” เซย์เลอร์อธิบาย
ที่มา: u.today