ในบทความนี้ทางเราจะพาไปเจาะลึกถึงรายละเอียดของการสร้างพอร์ตคริปโตที่ต่างคนก็จะต่างกลยุทธ์การลงทุนกันไป พร้อมกันนี้อาจทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบกับตัวของผู้อ่านด้วยก็เป็นได้ว่าการลงทุนและการจัดพอร์ตแบบไหนเข้ากับแผนการลงทุนของตัวเองมากที่สุดและต้องขอย้ำว่านี่ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใดเพียงแต่เป็นเพียงการให้ความรู้ในด้านการจัดสรรพอร์ตเท่านั้น
Bitcoin และ Ethereum เพียงพอแล้วหรือยัง?
นักลงทุนบางคนเลือกที่จะซื้อและถือครองแค่เหรียญใหญ่ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum ขณะที่บางคนอาจหันไปลงทุนใน Altcoins หรือ Stablecoins แต่คำถามคือ กลยุทธ์ไหนดีที่สุด?
จริง ๆ แล้วก็อาจจะบอกได้ว่าไม่มีพอร์ตการลงทุนแบบใดที่เหมาะกับทุกคน แต่ถ้าคุณต้องการเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด พร้อมลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด จุดเริ่มต้นที่ดีคือการสร้าง พอร์ตคริปโตที่มีทั้งความหลากหลายและความสมดุล
ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มตรงไหน มาดูแนวทางการสร้างพอร์ตคริปโตที่สมดุลไปพร้อมกัน
พอร์ตคริปโตคืออะไร?
พอร์ตการลงทุนคริปโตคือ “ตะกร้า” ที่รวบรวมเหรียญคริปโตหลากหลายชนิดไว้ด้วยกัน คล้ายกับพอร์ตลงทุนแบบดั้งเดิม เพียงแต่ต่างกันที่คุณจะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว คือคริปโตแทนที่จะกระจายไปในหุ้น, อสังหาฯหรือพันธบัตร
พื้นฐานการสร้างพอร์ตคริปโตที่สมดุล
เป้าหมายหลักของการสร้างพอร์ตสมดุลคือ ลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด โดยใช้การกระจายความเสี่ยง การกระจายพอร์ตไปลงทุนในเหรียญหลากหลายประเภทจะช่วยลดความเสี่ยงจากเหรียญใดเหรียญหนึ่งร่วงแรง และเปิดโอกาสให้ได้สัมผัสกับการเติบโตของตลาดคริปโตในหลายๆ ด้าน
ทั้งนี้ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ทุกกลยุทธ์มีข้อดีข้อเสีย ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และสไตล์ของนักลงทุนเอง
พอร์ตแบบกระจุกตัว vs พอร์ตแบบกระจายตัว
กระจุกตัว
- ลงทุนในเหรียญเพียงไม่กี่ตัว
- ถ้าเลือกถูก เหรียญพุ่งแรง จะได้ผลตอบแทนสูงมาก
- แต่ความเสี่ยงก็สูง เพราะถ้าเหรียญเหล่านั้นร่วง จะกระทบหนักทั้งพอร์ต
- ตัวอย่างเช่นเคส Terra LUNA ที่ล้ม ส่งผลให้นักลงทุนที่ลงหนักเสียหายยับ
กระจายตัว
- ลงทุนในเหรียญหลายประเภท หลายภาคส่วน
- ช่วยลดผลกระทบจากเหรียญใดเหรียญหนึ่งร่วงแรง
- พอร์ตไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนพอร์ตที่กระจุกตัว
- เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการความสมดุลและลดความเสี่ยง
วิธีสร้างพอร์ตคริปโตที่สมดุล
- กระจายความเสี่ยงอย่างพอดี
- ลงทุนในเหรียญใหญ่ (BTC, ETH) ร่วมกับเหรียญกลาง-เล็ก เพื่อสมดุลระหว่างความปลอดภัยและโอกาสเติบโต
- เลือกจำนวนเหรียญที่พอจัดการได้ ไม่มากจนตามข่าวสารไม่ไหว (อ้างอิง Benjamin Graham แนะนำ 10–30 สินทรัพย์ก็พอ)
- กระจายไปในหลายประเภท เช่น DeFi, Layer 1, Payment coins
- ลงทุนในเหรียญใหญ่ (BTC, ETH) ร่วมกับเหรียญกลาง-เล็ก เพื่อสมดุลระหว่างความปลอดภัยและโอกาสเติบโต
- ถือ Stablecoins บางส่วน
- มีไว้เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง สามารถนำมาใช้ซื้อเหรียญเมื่อมีโอกาส หรือกันความเสี่ยงจากความผันผวน
- มีไว้เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง สามารถนำมาใช้ซื้อเหรียญเมื่อมีโอกาส หรือกันความเสี่ยงจากความผันผวน
- ปรับสมดุลพอร์ต
- เมื่อเวลาผ่านไปและราคาคริปโตเปลี่ยน ควรปรับพอร์ตให้กลับมาใกล้เคียงเป้าหมายความเสี่ยงเดิม
- เช่น ช่วงตลาดกระทิงอาจเพิ่มสัดส่วนเหรียญเสี่ยงสูง แต่ช่วงตลาดหมีควรโยกไปเหรียญใหญ่หรือ Stablecoins
- เมื่อเวลาผ่านไปและราคาคริปโตเปลี่ยน ควรปรับพอร์ตให้กลับมาใกล้เคียงเป้าหมายความเสี่ยงเดิม
- หมั่นศึกษาด้วยตนเอง
- ศึกษาโปรเจกต์, ข่าวสารและพื้นฐานของเหรียญก่อนลงทุน
- ศึกษาโปรเจกต์, ข่าวสารและพื้นฐานของเหรียญก่อนลงทุน
- ลงทุนด้วยเงินที่คุณยอมเสียได้
- อย่าลงทุนจนกระทบชีวิตประจำวัน
- อย่าลงทุนจนกระทบชีวิตประจำวัน
ประเภทของสินทรัพย์คริปโตที่อาจจะพิจารณาเป็นทางเลือกได้
- Payment Currencies: BTC, XRP
- Stablecoins: USDT, USDC
- Utility Tokens: BNB
- Infrastructure Tokens: ETH, ADA
- Meme Coins: DOGE
- Governance Tokens: UNI, AAVE
กลยุทธ์การลงทุนยอดนิยม
- HODL: ซื้อและถือยาว ไม่ขายแม้ตลาดผันผวน
- Dollar Cost Averaging (DCA): ทยอยซื้อประจำทุกเดือน ลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะผิด
- Buy the Dip: ซื้อเมื่อราคาลง รอขายตอนราคาเด้งกลับ
สรุป
การสร้างพอร์ตคริปโตที่สมดุลคือการหาจุดกึ่งกลางระหว่าง โอกาสในการทำกำไรสูง และ การควบคุมความเสี่ยง ไม่มีสูตรสำเร็จเดียวที่ใช้ได้กับทุกคน แต่ถ้าคุณกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม รู้จักปรับสมดุล และไม่ลงทุนเกินกำลัง พอร์ตของคุณก็จะมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

