<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บริษัทใหญ่แห่ซื้อ ETH กว่า 95% ในไตรมาส 3 หรือนี่จะเป็นจุดเริ่มต้น “ซูเปอร์ไซเคิล” ของ Ethereum ? 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้บริหารในวงการคริปโตหลายรายออกมาแสดงความมั่นใจว่า ราคา Ethereum อาจพุ่งขึ้นได้มากถึง 200% ก่อนสิ้นปีนี้ โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการเข้าซื้อของบริษัทขนาดใหญ่, การสะสม ETH ของกองทุน ETF และปริมาณ ETH ที่ถูกล็อกไว้ใน Staking

ข้อมูลจาก Bitwise Invest ล่าสุดเผยว่า เกือบทั้งหมดของ ETH ที่บริษัทมหาชนถือครองตอนนี้ถูกซื้อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่า 95% ของ ETH ทั้งหมดที่บริษัทมหาชนถืออยู่มีมูลค่ารวมกว่า 19,130 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นราว 4% ของอุปทานทั้งหมดของ Ethereum

โดยบริษัทมหาชนถือ ETH รวมกันถึง 4,630,000 ETH เมื่อวันที่ 30 กันยายน และในไตรมาสที่ 3 ETH จำนวนมากถึง 4 ล้าน ETH ถูกซื้อเพิ่ม แม้ว่าการซื้อ ETH จำนวนมากจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 แต่หลายคนยังสงสัยว่าในไตรมาส 4 ETH จะยังสามารถพุ่งขึ้นต่อไปได้หรือไม่ เพราะตามสถิติแล้ว ไตรมาส 4 มักจะเป็นช่วงที่ Ethereum ทำผลงานได้ไม่ดีนัก

ก่อนที่ตลาดคริปโตจะร่วงแรงในวันที่ 10 ตุลาคม ราคา ETH เคยซื้อขายอยู่เหนือระดับ 4,300 ดอลลาร์ แต่หลังจากเกิดแรงขายและการถูกล้างพอร์ตกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ในตลาด ราคา ETH ก็ร่วงลงมาซื้อขายต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ โดยอยู่ที่ประมาณ 3,980 ดอลลาร์

ราคา Ether ลดลง 11.65% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ที่มา: CoinMarketCap

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า “กระแสการสะสม ETH ของบริษัทใหญ่” อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดันราคา ETH ให้กลับมาพุ่งแรงในช่วงปลายปี 

โดยข้อมูลจาก StrategicETHReserve เผยว่า บริษัท BitMine Immersion Technologies ถือครอง ETH มากที่สุดประมาณ 3.03 ล้านเหรียญ ตามมาด้วยบริษัท Sharplink Gaming ที่ถือครอง ETH ประมาณ 840,120 เหรียญ และบริษัท The Ether Machine ที่ถือ ETH อยู่ 496,710 เหรียญ

ทั้ง Arthur Hayes (ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX) และ Tom Lee (ประธาน BitMine) ทำนายตรงกันว่า “ราคา ETH จะพุ่งถึง 10,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้” 

โดย Tom Lee ยังกล่าวเสริมอีกว่า ราคา ETH อาจพุ่งได้ถึง $12,000 หากแรงซื้อยังคงหนาแน่น

ขณะที่ Joseph Chalom ซีอีโอร่วมของ Sharplink Gaming มอง Ethereum ในแง่บวกมากและเห็นว่า ETH คือเหรียญที่ดีที่สุดสำหรับสถาบัน เนื่องจากมีการกระจายศูนย์ ปลอดภัย และมีเครือข่ายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายหลักของบริษัทคือการระดมทุนเพิ่มและสะสม ETH ให้ได้มากที่สุด

ในขณะที่ Merlijn The Trader ได้โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ระบุว่า การที่ 40% ของอุปทาน ETH ทั้งหมดหายไปจากระบบหมุนเวียนเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของ Supercycle ของ Ethereum ที่แท้จริง

ที่มา  : cointelegraph