ราคา Bitcoin ได้ร่วงลงอย่างหนัก ลบกำไรทั้งหมดที่ทำได้ในช่วง “Summer Rally” หรือช่วงที่ตลาดคึกคักจากการที่ Wall Street และนักลงทุนสถาบันแห่เข้ามาซื้อ
สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลกได้ร่วงลงมากถึง 6.5% แตะระดับ 99,963 ดอลลาร์ ในวันอังคาร ซึ่งเป็นการซื้อขายที่ระดับต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตอนนี้ราคาได้ร่วงลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ Ether (ETH) “เจ็บหนักกว่า” โดยดิ่งลงถึง 9.6% และ Altcoin อื่นๆ ก็ร่วงลงในลักษณะเดียวกัน

แผลใจจากเดือนตุลา-ตลาด ‘เมาหมัด’ ไม่กล้าเสี่ยง
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคม เมื่อคลื่น “การล้างพอร์ต” (Liquidations) ครั้งประวัติศาสตร์ได้กวาดล้างสถานะ Long (เดิมพันขาขึ้น) มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ (ซึ่งข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่าสูงถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) และนับตั้งแต่นั้นมา นักเทรดส่วนใหญ่ก็ยังคง “นั่งทับมือ” อยู่ข้างสนาม
“การที่ Bitcoin ร่วงลงมาทดสอบจุดต่ำสุดเดิมในเดือนมิถุนายน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดกำลัง ‘เมาหมัด’ และยังคงต่อสู้กับผลกระทบทางจิตวิทยาจากเหตุการณ์ล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม ซึ่งมันได้เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนใช้รับมือกับแนวโน้มขาลงในปัจจุบันไปโดยสิ้นเชิง” คริส นิวเฮาส์ (Chris Newhouse) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Ergonia กล่าว

เทขายแบบ ‘ซึมๆ’ – ขาดความเชื่อมั่น
การเทขายในวันอังคารนี้มีมูลค่าการล้างพอร์ต (ทั้ง Long และ Short) เพียงประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่า “จิ๊บจ๊อย” มากเมื่อเทียบกับสถิติ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันที่ 10 ตุลาคม
ในขณะเดียวกัน Bitcoin ก็กำลังเผชิญกับปัจจัยลบอื่นๆ ที่รุมเร้า ทั้งกระแสเงินทุนไหลออกจากกองทุน ETF และความกังวลว่า “กงสีคริปโต” (Digital-asset Treasury Firms) อาจจะเทขายสินทรัพย์ในคลังออกมา
“แม้ว่าแนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นขาลงอย่างชัดเจน แต่ความรุนแรงของการล้างพอร์ตในเดือนตุลาคมได้ขัดขวางไม่ให้แม้แต่นักเทรดฝั่งหมี (Bears) กล้าที่จะถือสถานะ Short ได้อย่างมั่นใจ” นิวเฮาส์กล่าว “ส่งผลให้ตลาดในตอนนี้ถูกครอบงำโดยการเทรดตามโมเมนตัมระยะสั้น มากกว่าที่จะเป็นการถือสถานะตามทิศทางที่ชัดเจน”
ที่มา: bloomberg

