หลังจากที่สร้างความฮือฮาด้วยการดีดตัวขึ้นสวนทางตลาดหุ้นได้เพียงแค่วันเดียว Bitcoin ก็ต้องกลับมาเผชิญกับความเป็นจริงอันโหดร้ายอีกครั้ง เมื่อราคาได้ร่วงลงกว่า 4% กลับมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 90,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ Ethereum (ETH) อาการหนักกว่า โดยดิ่งลง 6.5% หลุดแนวรับสำคัญที่ 3,000 ดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อย
สิ่งที่น่ากังวลคือ การร่วงลงครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง Nasdaq ยังคงประคองตัวในแดนบวกได้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำภาพเดิมๆ ที่สินทรัพย์ดิจิทัลมักจะทำผลงานได้แย่กว่าตลาดหุ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
หุ้นคริปโต-เหมืองขุด กอดคอกันร่วง
แรงเทขายไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเหรียญ แต่ลามไปถึงหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมคริปโตอย่างหนักหน่วง หุ้นของบริษัท Strategy (MSTR) ร่วงลงกว่า 8% ทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบปี เช่นเดียวกับหุ้นของ Circle, BitMine และหุ้นกลุ่มเหมืองขุดอย่าง Bitfarms และ Hive ที่ต่างปรับตัวลงกันถ้วนหน้า ท่ามกลางดัชนีความกลัว (Crypto Fear and Greed Index) ที่ยังคงจมดิ่งอยู่ในโซน “Extreme Fear” หรือกลัวแบบสุดขีด
K33 ระบุ นี่คือวิกฤตการปรับฐานครั้งประวัติศาสตร์
Vetle Lunde หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก K33 Research ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า การปรับฐานลงมาเกือบ 30% ภายในระยะเวลาเพียง 43 วันในรอบนี้ ถือเป็นหนึ่งในการปรับฐานที่รุนแรงที่สุดเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์การปรับฐานระยะยาว (เกิน 50 วัน) ที่เคยเกิดขึ้น 7 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017
ปัจจัยหลักที่เติมเชื้อไฟให้กับการเทขายครั้งนี้คือการไหลออกของเงินทุนจากกองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ที่มียอดเงินไหลออกสุทธิรวมกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา
จับตาจุดต่ำสุดใหม่ที่ $84,000 – $86,000
ในแง่ของแนวโน้มราคา Lunde วิเคราะห์ว่า ราคา Bitcoin ได้ร่วงลงต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ยของผู้ถือครอง ETF ในสหรัฐฯ ไปแล้ว หากรูปแบบการปรับฐานครั้งนี้ดำเนินรอยตามสถิติการร่วงหนักในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา เราอาจได้เห็น จุดต่ำสุดของรอบ ก่อตัวขึ้นในช่วงราคา 84,000 – 86,000 ดอลลาร์
แต่หากแนวรับดังกล่าวยังเอาไม่อยู่ มีโอกาสสูงที่ราคาจะไหลลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมของเดือนเมษายน หรือที่ระดับราคาต้นทุนเฉลี่ยของ MSTR ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 74,433 ดอลลาร์
ที่มา: coindesk