ปี 2025 ถือเป็นปีที่ Bitcoin เขียนประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับโลกคริปโตในหลายๆแง่มุม ด้วยราคาที่พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิน 126,000 ดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาผันผวนอย่างรุนแรง นั่นเองจึงทำให้เรื่องราวของปีนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความหวัง และบทเรียนที่นักลงทุนต้องจดจำ
ดังนั้นเราจะพาทุกท่านมาย้อนรอยดูกันว่าในปี 2025 Bitcoin และตลาดคริปโตได้ผ่านมอะไรกันมาบ้าง
มกราคม – Donald Trump เขย่าตลาดคริปโต
ในช่วงต้นปีของ 2025 เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตนั้นคึกคักจนถึงขีดสุดเนื่องจาก เป็นช่วงที่ทุกอย่างเป็นใจไปหมด เพราะ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่สนับสนุนคริปโต แต่ช่วงเวลาในขณะนั้นต่างมีเรื่องสุดเหวี่ยงมากมายภายใน 1 เดือน
ก่อนหน้าการสาบานตน ตลาดคริปโตโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งของเหรียญมีมเรียกได้ว่าเกิดความบ้าคลั่งจนถึงขีดสุดเมื่อเหรียญมีม $TRUMP อย่างเป็นทางการได้ถูกเปิดตัว ซึ่งเหตุการณ์นั้นถือเป็นจุดสูงสุดและจุดเริ่มต้นของยุคมืดเหรียญมีมเลยก็ว่าได้
ถัดมา ในช่วงเข้าพิธีสาบานตน Bitcoin ได้สร้างสถิติสูงสุดใหม่ที่ $109,400 แต่ก็ร่วงอย่างรุนแรงถัดจากนั้นเป็นการ sell-the-news
เท่านั้นยังไม่พอ ทันที่ที่ทรัมป์ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเขาก็ได้มีการออกคำสั่งบริหาร Executive Order ในการอภัยโทษให้กับ Ross Ulbricht ผู้ก่อตั้ง Silk Road และได้มีการปลด Gary Gensler ออกจากตำแหน่งประธาน SEC
กุมภาพันธ์ – Bybit ถูกโจมตีรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
หลังจากที่ทรัมป์ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ราคา Bitcoin ก็ได้เริ่มเกิดการย่อตัวอย่างหนักลงมาเหลือ $90,000 เพราะนอกจากจะเป็นการขายหลังข่าวแล้วยังมีเรื่องของความกังวลเรื่องภาษี Tariff ที่เริ่มต้นขึ้นซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องยาวจนจบปีนี้
ทว่า เหตุการณ์ที่โดดเด่นที่สุดจะเป็นเรื่อง Bybit เว็บเทรดคริปโตอันดับต้นๆของโลกถูกโจมตีเสียหายกว่า $1.5 พันล้าน ส่งผลทำให้ตลาดเกิดความหวาดกลัวรุนแรง จนทำให้ราคาดิ่งลงมาเหลือ $78,000
มีนาคม – ข่าวใหญ่สะเทือนโลกคริปโต
แม้ตลาดในเดือนมีนาคมจะถือเป็นช่วงปรับฐานเพื่อพักแรง แต่เหตุการณ์ในเดือนดังกล่าวกลับมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะ ปธน.ทรัมป์ ได้มีคำสั่งให้มีการจัดตั้ง Bitcoin Strategic Reserve อย่างเป็นทางการขึ้น และได้สั่งให้มีการศึกษาค้นคว้าจริงจัง ซึ่งตลาดคริปโตก็ได้ตอบรับกับข่าวดีนี้ ทว่า ราคากลับยังคงไม่สามารถฟื้นขึ้นมาเหนือ $88,000 และร่วงลงไปเหลือ $77,000 ในช่วงปลายเดือน
นอกจาก Bitcoin Reserve แล้ว Trump ยังจัดตั้ง U.S. Digital Asset Stockpile สำหรับเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ รวมถึง Ethereum, Solana, XRP และ Cardano สินทรัพย์เหล่านี้อาจถูกขายหรือจัดการตามนโยบายของกระทรวงการคลัง แต่ปัจจุบันโครงการทั้งสองยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก
เมษายน – จุดเริ่มต้นสงครามภาษี
สำหรับเดือนเมษายนนั้นเป็นเดือนที่ตลาดเกิดความผันผวนเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงต้นเดือนได้เกิดเหตุการณ์ “Liberation Day” ขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทรัมป์ออกมาเผยว่าสหรัฐฯจะทำการจัดเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก
นั่นเองจึงส่งผลทำให้ Bitcoin เกิดการ Flash Crash ขึ้นและทำราคาร่วงลงมาต่ำกว่า $75,000 ก่อนที่ในช่วงท้ายเดือนจะฟื้นตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพราะการมาถึงของประธาน SEC คนใหม่อย่าง Paul Atkins และการที่บริษัทคริปโตเริ่มให้ความสนใจในตลาดคริปโต
พฤษภาคม – กราฟเขียวยาวแปดเมตร
เมื่อฐานราคาของ Bitcoin กลับมาแข็งแกร่งแล้วในช่วงปลายเดือนเมษายน พฤษภาคมได้ทำเรื่องน่าตกใจอีกครั้งกับสถิติราคาสูงสุดใหม่ที่ $111,500 อันเป็นผลมาจากหลายปัจัย อาทิ
ครบรอบ 1 ปีหลัง Halving , กองทุน ETF มีเงินไหลเข้าเป็นประวัติศาสตร์ , การมาถึงของร่างกฎหมาย GENIUS ACT ที่ตอกย้ำบทบาทของคริปโตในอนาคต และแผนที่จะนำ Bitcoin เข้าไปในกองทุนเกษียณ 401K รวมถึงการยุติสงครามระหว่างคริปโต และ SEC
มิถุนายน – ไฟสงครามปะทุ
ในเดือนมิถุนายน ได้เกิดเหตุการณ์ Black Swan เกิดครึ่งอย่างความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่าง อิหร่าน และ อิสราเอล ซึ่งในเดือนนั้นได้ส่งผลทำให้ Bitcoin เกิดการย่อตัวแต่ไม่รุนแรงนักแม้จะหลุดแสนแต่ก็กลับมาได้ แต่นี่ไม่ใช่หงส์ดำเพียงตัวเดียวในปีนี้
กรกฏาคม – $120,000
ถัดมาในเดือนที่ 7 Bitcoin ได้สร้างสถิติใหม่ที่ราคา $120,000 เป็นครั้งแรกอันเนื่องมาจากความคาดหวังในนโยบายดอกเบี้ยของเฟด เพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่ GENIUS ACT จะได้รับการอนุมัติให้เป็นกฎหมายจริง ทว่า ดาวเด่นของเดือนกรกฏาคมกลับเป็น Ethereum ที่พุ่งขึ้นกว่า 50% ในระยะเวลาเพียงน้อยนิด ตอกย้ำถึงกระแสบริษัทคลังสำรองคริปโตที่เร่มเบ่งบานถึงขีดสุด
สิงหาคม – Jackson Hole
สำหรับสิงหาคมนั้น เริ่มต้นเดือนได้ไม่ค่อยดีเท่าไร ตลาดมีการย่อตัวหลังความร้อนแรงในเดือนก่อนหน้า ตามด้วยข่าวคราวเรื่องภาษีทียังคงน่าเป็นห่วง แต่สุดท้าย Bitcoin ก็ยังคงไม่หลุดแสนและพลิกฟื้นกลับมาได้เพราะถ้อยแถลงของ Jerome Powell ในงานประชุม Jackson Hole ที่ตลาดไม่คิดว่าจะออกมาดีกว่าคาด ทำให้วันเดียว Bitcoin พุ่ง 5% ส่วน ETH 14% เพราะความหวังในการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนถัดไป
กันยายน – เดือนแห่งความน่าเบื่อ
กันยายน ถือเป็นเดือนที่ไม่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากนักในตลาดคริปโต ถึงจะบอกว่า ก.ย. เป็นเดือนที่น่าเบื่อแต่ราคาของ Bitcoin ก็ยังสูงถึง $114,000 แม้ตลาดจะ Priced In ข่าวการลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว แต่ Bitcoin ก็ยังไม่มีการแสดงท่าทีอ่อนแรงและฟื้นตัวในช่วงปลายเดือน เพื่อรอต้อนรับไตรมาสที่ 4 ที่ว่ากันว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับ Bitcoin
ตุลาคม – ระเบิดลูกใหญ่ 10/10 Black Swan
และแล้วเราก็มาถึงเดือนตุลาคมเดือนที่ดีที่สุดของ Bitcoin เดือนที่ถูกขนานนามให้เป็น Uptober ซึ่งในช่วงต้นเดือนก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ Bitcoin ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ $126,198
ทว่า ในวันที่ 10 ตุลาคม ทรัมป์ได้มีการทำสงครามการค้าอย่างรุนแรงกับจีนอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ตลาดคริปโตได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อสภาพคล่องในตลาดหายไป ส่งผลทำให้เมื่อเกิดการล้างพอร์ตรุนแรงเกิดขึ้น ไม่มีนักลงทุนใหม่ยอมที่จะเข้ามารับมีด ซื้อคริปโตเพิ่ม
ด้วยเหตุนั้นเองจากข่าวร้ายทางการเมืองได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ล้างพอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต มีมูลค่าความเสียหายกว่า $1.9 หมื่นล้าน โดยนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยรวมถึง Market Maker ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบ
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นจากการที่ Bitcoin เกิด Flash Crash ขึ้นได้ทำให้ Altcoin บางตัวเกิดความผันผวนหนักราคาร่วงดิ่งลงระดับ 40%-60% แบบชั่ววูบ ทำให้เกิดการล้างพอร์ตอัตโนมัติตอกย้ำความรุนแรงให้มากขึ้นไปอีก แถมเหรียญบางตัวอย่าง USDe ยังได้เกิดการหลุด Peg บน Binance ซ้ำเติมวิกฤตอีกขึ้น ก่อนที่ราคาจะฟื้นกลับมาเล็กน้อยในวันรุ่งขึ้นเมื่อตลาดทรงตัว
เหตุการณ์ในวันที่ 10 นี้ได้ฝากรอยแผลขนาดใหญ่เอาไว้เพราะนับตั้งแต่นั้นมาตลาดคริปโตก็ไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปได้เลย ในขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ กลับฟื้นตัวกันหมดจนทำสถิติสูงสุดใหม่ถ้วนหน้าทั้งหุ้นและทอง ส่วนนักลงทุนก็ต่างกลัวและสูญเสียความเชื่อมั่นกันหมด
พฤศจิกายน – ETFs ไหลออก
หลังจากวิกฤตในเดือนตุลาคม ตลาดได้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อยโดยมีความหวังริบหรี่ว่าเดือนพฤศจิกายนจะดีกว่าเดิม แต่หารู้ไม่ว่าหายนะมาพร้อมกับความเงียบ และทำให้ Bitcoin ร่วงหลุดราคา $100,000 ทั้งที่แนวรับดังกล่าวเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ Bitcoin ย่อตัวเป็นผลมาจากนักลงทุนสถาบันที่ต่างจำกัดความเสี่ยงและเทขายกองทุน ETF ที่เป็นเสาหลักให้กับตลาด ขณะเดียวกันนักเทรดที่ต้องการเอาคืนการล้างพอร์ตใหญ่ยังได้พลาดท่าอีกครั้งเป็นความเสียหายกว่า $2 พันล้าน
เห็นได้ว่าปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากเดือน ต.ค. ที่นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่น ไม่ได้เป็นผลมาจากปัจจับภายนอกตัวใหม่ นั่นเองจึงทำให้ราคาของ Bitcoin ดิ่งลงไปรุนแรงถึง $80,000
ธันวาคม – สิ้นสุดวัฏจักร 4 ปี
สุดท้ายนี้ ในเดือนธันวาคม Bitcoin กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็ทำไปแล้วกับจำนวนสัญญาออปชันหมดอายุที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แสดงให้เห็นว่าตลาด Bitcoin นั้นมาไกลจากจุดเริ่มต้นเป็นอย่างมาก
แต่ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ Bitcoin อาจกำลังเข้าสู่จุดสิ้นสุดของวัฎจักร 4 ปี เมื่อปีหลัง Halving อาจจะไม่ใช่ Bull Run อีกต่อไปหากในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า Bitcoin ไม่สามารถฟื้นตัวแตะ $93,500 จะส่งผลทำให้ปิดกราฟปีต่ำกว่าปีทีแล้ว
หมายความว่าถัดจากนี้ทฤษฏีรูปแบบเดิมๆอาจจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปในตลาด Bitcoin ซึ่ง 2026 จะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง หรือ ความทุกข์ทรมาณ ก็ไม่อาจทราบได้เพราะตอนนี้เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของ Bitcoin
หมายเหตุสำคัญ: บทความนี้สรุปจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปี 2025 โดยอิงจากข้อมูลและข่าวสารจนถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2025 ราคาและข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงไปในช่วงสิ้นปี การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน อย่าลงทุนมากกว่าที่คุณพร้อมจะเสีย และควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินที่มีความรู้และประสบการณ์
