ล่าสุดแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Binance ได้ออกมาประกาศว่าจะยุติการให้บริการ leveraged tokens บางรายการที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin, ethereum และ BNB ในวันที่ 3 เมษายน 2024
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากที่ Binance ประกาศตัดสินใจยุติ leveraged tokens ที่มีการจับคู่กับ Tether ( USDT) ส่งผลให้ leveraged tokens ที่ได้รับผลกระทบตามมาได้แก่ BTCUP และ BTCDOWN, ETHUP และ ETHDOWN และ BNBUP และ BNBDOWN
แพลตฟอร์มจะระงับการซื้อขายและบริการ subscription สำหรับคู่เหรียญ leveraged tokens ทั้งสามคู่ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลา 06:00 UTC จากข้อมูลของ Binance ระบุว่า คำสั่งซื้อขายทั้งหมดสำหรับ leveraged tokens จะถูก “ลบออกโดยอัตโนมัติ” ในวันเวลาที่กำหนด หมายความว่าผู้ใช้งานจะไม่สามารถดำเนินการเปิดคำสั่งซื้อ ได้ตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป
ทั้งนี้ Binance ได้ขอให้ผู้ใช้งานทั้งหมด รีบแปลงและแลกเปลี่ยนโทเค็นเลเวอเรจที่ถืออยู่เป็นสินทรัพย์อื่น ก่อนกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้
ภาพ: กำหนดการยุติให้บริการการจับคู่ leveraged tokens ที่มา Binance
ต่อจากนี้ Binance จะค่อยๆ เพิกถอนและยุติการแลกเปลี่ยนโทเค็น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนและดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 3 เมษายน Binance กล่าวว่าผู้ใช้งานจะสามารถแลกเปลี่ยนโทเค็นของตนได้ก่อนวันที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้งานไม่สามารถแลกโทเค็นของตนภายในกำหนดเวลาได้ บริษัทจะแปลงโทเค็นเป็น USDT ตามมูลค่าราคาซื้อขายแลกเปลี่ยนของตลาดในวันที่โทเค็นถูกเพิกถอนให้อัตโนมัติ ซึ่ง Binance จะแจกจ่ายโทเค็นไปยังบัญชีสมาชิกภายใน 24 ชั่วโมง และลบ leveraged tokens ออกจาก Wallet ของสมาชิก
leveraged tokens ของ Binance จัดว่าเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ให้นักลงทุนใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์คริปโตที่พวกเขามีเชื่อมโยงกับโทเค็นอื่นๆ เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของตำแหน่งสัญญาเลเวอเรจแบบไม่จำกัดระยะเวลา
จากข้อมูล Binance ระบุว่า leveraged tokens ช่วยให้ผู้ที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต สามารถเข้าถึง leveraged ได้โดยไม่ต้องวางสินทรัพย์เพื่อมาเป็นหลักประกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องดูแล margin level ของตนเอง รวมถึงลดความกังวลเกี่ยวกับการยกเลิกบริการดังกล่าว แม้สิ่งนี้จะมีประโยชน์อย่างมาก แต่ Binance ก็ออกมาเตือนว่าการซื้อขาย leveraged tokens นั้นมาพร้อมกับความเสี่ยงในตัวเอง ซึ่งรวมถึง “ผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของปริมาณการซื้อขายในตลาดสัญญาฟิวเจอร์สแบบถาวร (Perpetual Contracts) , ค่าพรีเมี่ยม และอัตรา Funding rate”
ที่มา: cointelegraph