<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin อาจไม่ใช่เงินสดอิเล็กทรอนิกส์อีกต่อไป ! หลังอุปทานหมุนเวียนลดลงต่ำสุดในรอบ 13 ปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ข้อมูลจากการติดตามธุรกรรมบนบล็อกเชนของ Bitcoin ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้งาน Bitcoin อาจไม่ได้นิยมนำ Bitcoin มาใช้เป็นเงินสดอิเล็กทรอนิกส์เหมือนเดิม สังเกตได้จาก ปริมาณการหมุนเวียนของโทเค็นที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

“ความเร็วหมุนเวียน (Velocity) ” ของ Bitcoin ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์

Ki Young Ju ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ CryptoQuant  ได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X กล่าวว่า ปริมาณการหมุนเวียนของ Bitcoin ลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกถึงปรากฏการณ์นี้คือ “ความเร็วหมุนเวียน (Velocity) ” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดบนบล็อกเชนที่ติดตามอัตราการหมุนเวียนของโทเค็น Bitcoin ในตลาด

ความเร็วหมุนเวียน (Velocity) ของ Bitcoin สัมพันธ์กับอัตราการเคลื่อนที่ของโทเค็นบนเครือข่ายบล็อกเชน

เมื่อค่าความเร็วตัวชี้วัดนี้เพิ่มสูงขึ้นแสดงให้เห็นว่าโทเค็น Bitcoin มีการเปลี่ยนมือกันบ่อย เคลื่อนที่ไปมาระหว่างผู้ใช้อย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับลักษณะการใช้งานที่เป็นเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ 

ส่วนค่าความเร็วตัวชี้วัดต่ำ บ่งบอกว่าโทเค็น Bitcoin หยุดนิ่ง ในกระเป๋าเงินคริปโตเป็นเวลานานไม่ค่อยมีการเปลี่ยนมือ ซึ่งอาจตีความได้ว่า ผู้คนไม่ได้ใช้จ่ายด้วย Bitcoin แต่น่าจะถือไว้เพื่อการลงทุนมากกว่า

ด้านล่างนี้เป็นกราฟที่แสดงให้เห็นว่า ความเร็วของ Bitcoin เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาตามประวัติศาสตร์

ดังที่แสดงในกราฟด้านบน ความเร็ว (Velocity) ของ Bitcoin มีลักษณะดังนี้ ช่วงตลาดขาขึ้นปี 2021 ความเร็วของ Bitcoinมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ช่วงกลางตลาดขาลง ปี 2022 ความเร็วของ Bitcoin ขึ้นสู่จุดสูงสุด หลังจากนั้น ความเร็วของ Bitcoin กลับทิศทางแล้วลดลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากแตะจุดสูงสุด ความเร็วของ Bitcoin ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงปลายปี 2023 ความเร็วของ Bitcoin ทรงตัว (moving sideways) โดยไม่ได้มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่กราฟแสดงให้เห็นว่าระดับความเร็ว ในช่วงที่ทรงตัวอยู่นี้อยู่ในระดับต่ำที่สุด ในรอบ 13 ปี

นี่หมายความว่า อัตราการหมุนเวียนของ Bitcoin จะเหมือนกับในปี 2011 กราฟที่แสดงค่าความเร็ว (Velocity) ของ Bitcoin ลดลง บ่งบอกถึงการใช้งาน Bitcoin เพื่อชำระเงินลดลง แนวโน้มนี้มีความสำคัญ เพราะอาจสะท้อนถึงมุมมองของผู้ใช้งาน Bitcoin ในปัจจุบันต่อสินทรัพย์ Bitcoin 

เดิมที Bitcoin ถูกกำหนดให้เป็นเงินสดในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำงานแบบ peer-to-peer (P2P) โดยไม่ต้องใช้หน่วยงานกลางใด ๆ เลย ซึ่งความจริงที่ว่า โทเค็น BTC ไม่ได้ถูกหมุนเวียนอีกต่อไป นั่นหมายความว่า โทเค็น Bitcoin ไม่ได้ถูกใช้มากนักในการทำธุรกรรมทางการเงิน ดังที่ผู้ก่อตั้ง CryptoQuant กล่าวไว้

แม้ว่า Satoshi จะมีวิสัยทัศน์ในเรื่อง “P2P Electronic Cash” แต่ Bitcoin ก็ถูกใช้เป็น “Digital Gold” เป็นหลัก โดยมีสถาบันต่าง ๆ ที่ถือครอง Bitcoin ไว้โดยไม่มีการทำธุรกรรมบ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ค่าความเร็วที่ต่ำในปัจจุบัน จะคงอยู่กับ Bitcoin ไปตลอดหรือไม่ เพราะตัวชี้วัด เคยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปสู่ระดับสูง เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ตามที่กราฟแสดงให้เห็นความเร็ว (Velocity) ของ Bitcoin มีลักษณะเป็นรอบ (cycles) ตลอดประวัติศาสตร์  โดยมีช่วงที่สูงสลับกับช่วงที่ต่ำ

Ki Young Ju  ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ CryptoQuant  มีความเห็นว่า  ความเร็วของ Bitcoin  จะมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างมากอีกครั้ง  เมื่อ Bitcoin  ถูกนำไปใช้สำหรับการชำระเงินอย่างแพร่หลาย

ที่มา : bitcoinist