มูลค่าตลาดของเหรียญมีม (Meme Coin) พุ่งทะยานสูงกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ปรากฏการณ์นี้เห็นได้ชัดจากเหรียญมีมประมาณเจ็ดเหรียญที่ติดอันดับ 100 อันดับแรกของสกุลเงินดิจิทัลตามมูลค่าตลาด ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงความสนใจของนักลงทุนไปสู่สินทรัพย์ที่เคยถูกมองว่าเป็นการ “เก็งกำไร”
รายงานล่าสุดของ QCP Capital จะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเปิดเผยปัจจัยเบื้องหลังที่ผลักดันให้ราคาเหรียญมีมคอยน์พุ่งทะยาน
ปัจจัยที่ผลักดันให้มีมคอยน์พุ่งทะยาน
จากข้อมูลของ QCP Capital ระบุว่า ราคาของมีมคอยน์ที่ปรับตัวอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นผลมาจาก “กระแสความคลั่งไคล้ในการเก็งกำไร” ที่มีช่วงการซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin ในโซนเอเชีย โดยกระแสการเก็งกำไรดังกล่าวได้รับแรงผลักดันมาจากภาวะ FOMO ของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพลวัตของผู้เข้าร่วมตลาด
นักวิเคราะห์จาก QCP Capital ยังสังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการซื้อขายแบบใช้เลเวอเรจ ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่ “แข็งแกร่ง” แต่ก็อาจหยุดชะงักได้ หากราคา Bitcoin พุ่งทะลุจุดสูงสุดตลอดกาล (all-time high) ตามรายงานดังนี้ :
“ตอนนี้ Altcoin โดยเฉพาะมีมคอยน์กำลังพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง เนื่องจากภาวะ FOMO ของนักลงทุนรายย่อย (retail) เริ่มเข้ามาอย่างหนัก สายเทรดแบบ Margin (Leveraged buyers) น่าจะไม่ยอมหยุดทำกำไรจนกว่าเราจะทำลายสถิติราคาสูงสุดตลอดกาล (all-time highs) ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”
ตลาดมีมคอยน์กำลังร้อนแรง นำโดยเหรียญมีมคอยน์ชั้นนำอย่าง Dogecoin, Shiba Inu, PEPE และ BONK ที่ต่างทะยานขึ้นอย่างมากในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดย Dogecoin ปรับราคาเพิ่มขึ้น 27%, Shiba Inu ปรับราคาเพิ่มขึ้น 57%, PEPE ปรับราคาเพิ่มขึ้น 46% และ BONK ราคาพุ่งสูงถึง 68%
การเพิ่มขึ้นของราคาได้อย่างประทับใจเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง ความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนรายย่อย ที่มีต่อมีมคอยน์และตอกย้ำถึง แนวโน้มที่กว้างขึ้นของการลงทุนรายย่อยที่ขับเคลื่อนตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Dogecoin และ Shiba Inu ที่ราคาของมันปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้มันถูกนำไปจัดอันดับให้ติด 1 ใน 15 มีมคอยน์ที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ ส่งผลให้มันกลับมาได้รับความสนใจจากนักทุนอีกครั้ง