JPMorgan ยักษ์ใหญ่ด้านการเงินและการลงทุน ได้ออกมาปรับเปลี่ยนต้นทุนการผลิต Bitcoin ใหม่ เป็น $45,000 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ $42,000 ซึ่งการปรับประมาณนี้มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแฮชเรตของ Bitcoin
Nikolaos Panigirtzoglou นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุในรายงานว่า ก่อนหน้านี้พวกเราคาดการณ์ว่าอัตรา hashrate จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากการ halving เนื่องจากนักขุดที่ไม่สามารถทำกำไรได้จำเป็นจะต้องถอนตัวออกไป โดยถึงแม้จะเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดการณ์แต่มันก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
มากไปกว่านั้นเขายังกล่าวด้วยว่า อัตรา hashrate และการใช้พลังงานในปัจจุบัน ส่งผลให้เราประมาณต้นทุนการผลิต Bitcoin เบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ $45,000 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ $42,000 ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ราคาใหม่ที่ได้ประเมินออกมายังน้อยกว่าราคา Bitcoin จริงในตลาดที่ $65,000 เป็นอย่างมาก
เขายังอธิบายเสริมด้วยว่า ต้นทุนการผลิตนั้นขึ้นอยู่กับอัตราแฮชเรตและประสิทธิภาพของอุปกรณ์เครื่องขุดที่ยังคงผันผวนหลัง halving โดยตัวเลข $45,000 นั้นยังคงเป็นแค่การประมาณเบื้องต้น ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งหลังอัตรา hash rate และอุปกรณ์การขุดที่พัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม ราคาต้นทุนจะกลับไปที่ $42,000 เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง แต่กว่าจะถึงตอนนั้นอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร
ภายในรายงานยังได้มีระบุอีกว่า ปัจจุบันเหล่านักขุด Bitcoin กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาครั้งใหม่หลังการเปิดตัว Runes protocol ที่ไม่ได้เป็นดังการคาดการณ์ ซึ่งถึงแม้ในช่วงแรกจะได้รับผลตอบรับที่ดี แต่เวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันยังไม่มั่นคง เห็นได้จากยอดผู้ใช้งานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นปัญหาที่ทำให้นักขุดไม่สามารถมีรายได้มากเพียงพอ เพราะนอกจากการขุดจะได้รางวัลที่น้อยลงแล้ว ค่าธรรมเนียมที่ได้ยังน้อยตามลงไปอีก และด้วยเหตุผลประการนี้ทำให้ในอนาคตจะต้องมีนักขุดจำนวนมากที่ไม่สามารถทำกำไรได้ทยอยถอนตัวออกจากการแข่งขัน ซึ่งการที่มีนักขุดน้อยลงจะส่งผลให้อัตราแฮชลดลง เช่นเดียวกันกับต้นทุนการผลิต
อย่างไรก็ตาม Panigirtzoglou คาดว่าราคาของ Bitcoin จะไม่ได้ปรับตัวขึ้นสูงมากในขณะนี้ เนื่องจากผลงานทางฝั่ง ETFs ทั้งในสหรัฐ ฯ และฮ่องกงนั้นไม่เป็นไปตามที่ใครหลายคนวาดฝันไว้
ที่มา : The Block