ในเดือนพฤศจิกายน 2022 Nayib Bukele ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ในตอนนั้น ได้ประกาศว่าประเทศจะลงทุนซื้อ Bitcoin แบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) โดยจะซื้อ 1 BTC ทุกวัน
โดยในตอนนั้นประเทศมี Bitcoin อยู่มากถึง 2,381 BTC และมีราคาเฉลี่ยต่อเหรียญที่ 44,300 ดอลลาร์ แต่ราคาซื้อขายในตลาดนั้นอยู่ที่ 19,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้ประเทศขาดทุนจากการถือครองเหรียญมากถึง 60 ล้านดอลลาร์
แต่หลังจากที่ Bukele ได้ประกาศถึงแผนนี้ออกมา ก็ไม่ได้มีการพูดถึงเกี่ยวกับการซื้อ Bitcoin อีกเลย ทำให้จำนวนเหรียญที่แน่นอนที่ประเทศถือครองอยู่ตอนนี้เป็นปริศนา เพราะไม่ได้มีการประกาศจากรัฐบาลเลย
และถ้าหากว่าประเทศได้ทำการซื้อ 1 Bitcoin ทุกๆ วัน ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาจริง คาดว่าเอลซัลวาดอร์จะมี Bitcoin รวมกว่า 2,744 BTC โดยจะมีราคาเฉลี่ยต่อเหรียญเหลือเพียงแค่ประมาณ 41,800 ดอลลาร์เท่านั้น
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเหรียญในปัจจุบันที่ประมาณ 37,000 ดอลลาร์แล้ว ในตอนนี้เอลซัลวาดอร์ยังคงขาดทุนอยู่กว่า 16 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ Bukele ยังได้เปลี่ยนให้ Bitcoin กลายเป็นเงินสกุลหลักของประเทศที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ได้ออกมาเตือนว่าการกระทำของเขาอาจส่งผลให้ความเสี่ยงในการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศดูจะสูญเสียเงิน Fiat ไปในจำนวนหนึ่ง แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งถือส่งผลดีกับประเทศเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากที่พันธบัตรรัฐบาลของประเทศจะได้รับการยอมรับจากธนาคารชื่อดังหลายแห่งแล้ว หนี้ของประเทศยังดีขึ้นจน S&P; Global เปลี่ยนหนี้ของประเทศจาก B- ไปเป็น CCC+ อีกด้วย
และเร็วๆ นี้ Bukele ได้ประกาศความตั้งใจที่จะลงสมัครรับการเลือกตั้งใหม่ในปี 2024 ซึ่งผลสำรวจความนิยมของเขานั้น ยังคงมีมากอย่างท่วมท้น อย่างไรก็ตามข้อมูลของธนาคารกลางชี้ว่า ประชาชนในประเทศยังคงให้เงิน Flat เพื่อโอนเงินจากต่างประเทศอยู่ โดยมีประชากรเพียง 1.2% เท่านั้นที่ใช้ Digital Wallet
ที่มา: CoinDesk