ดูเหมือนว่าในตอนนี้นักขุด Bitcoin จะกำลังเผชิญกับภาวะขาดทุน หลังจากที่ราคาเหรียญได้ลดลงถึง 25% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการวิเคราะห์จาก F2Pool พบว่า มีเครื่องขุดหลายตัวกำลังทำงานแบบขาดทุนเนื่องจากค่าไฟฟ้าที่สูงกว่ารายได้ที่ได้รับจากการขุด
นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้ว นักขุด Bitcoin ยังต้องรับมือกับผลกระทบจากการ Halving ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ทำให้รางวัลจากการขุด ลดลงจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC เป็นผลให้การขุด Bitcoin มีความยากลำบากมากยิ่งขึ้น
และเมื่อคำนวณค่าไฟฟ้าที่ $0.07 ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) แล้ว เครื่องขุดประเภท Application Specific Integrated Circuits (ASICs) ซึ่งมีการใช้พลังงานถึง 23 วัตต์ต่อเทระแฮช (W/T) หรือมากกว่านั้นจะขาดทุนเนื่องจากค่าไฟฟ้าสูงกว่ารายได้ที่ได้รับ
แม้ว่าเครื่องขุดบางรุ่น เช่น WhatsMiner M50S, Antminer S19j Pro+ และ WhatsMiner M30S++ จะถูกออกแบบมาเพื่อให้การขุด Bitcoin มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เครื่องเหล่านี้ก็ยังคงขาดทุนเนื่องจากราคาเหรียญที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
โดยในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา รายได้ต่อวันของนักขุด Bitcoin ได้ลดลงมากถึง 27% จาก 40 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียงแค่ 29 ล้านดอลลาร์เท่านั้นตามข้อมูลจาก Ycharts ซึ่ง นักวิจัย Blockchain อย่าง Collin Brown เชื่อว่าความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงนี้อาจบังคับให้นักขุดบางคนต้องปิดตัวหรือขายอุปกรณ์ในการขุดทิ้ง
“เรื่องนี้อาจมีผลกระทบต่อ hash rate และความปลอดภัยของเครือข่าย Bitcoin … เรายังต้องรอดูว่าราคาของ Bitcoin จะฟื้นตัวหรือไม่ หรือนักขุดจะทยอยออกจากตลาดมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม มีเครื่องขุดรุ่นใหม่บางรุ่น เช่น Antminer S21 Hyd และ Antminer S21 ที่ยังคงทำกำไรได้ แต่ hashrate ของการขุด Bitcoin โดยรวมยังคงลดลงไปถึงระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 36 ดอลลาร์ ต่อ petahash ต่อวัน (PH/day)
ที่มา: TheDefiant