ล่าสุด การเปิดให้จดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ดำเนินไปอย่างคึกคัก มีพรรคหน้าใหม่กว่า 98 พรรคมายื่นความจำนงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง และหนึ่งในนั้นมีพรรค ๆ นึงมีแนวคิดที่ค่อนข้างน่าสนใจ พรรคที่ว่ามีชื่อว่า พรรคกลาง หรือ Moderate Party
พรรคดังกล่าวมีนโยบายที่จะใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยในการบริหารประเทศ โดยพวกเขามีความตั้งใจที่จะสร้างแอปพลิเคชันเพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถออกความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจทางการเมืองต่าง ๆ ได้ ทำให้เกิดประชาธิปไตยโดยตรง
แอปพลิเคชันดังกล่าวนั้นจะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Blockchain อ้างอิงจากพรรคกลาง เนื่องจาก มันเป็นเทคโนโลยีที่สามารถกำจัดตัวกลางออกไปได้ และเป็นการเก็บข้อมูลแบบใหม่ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ยากมาก ๆ
โดยปกติเวลารัฐบาลจะตัดสินใจทำโครงการใหม่ ๆ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะเป็นคนตัดสินใจกันเองแทนประชาชน ถ้าเกิด ส.ส. มีความสามารถในการบริหาร และมีการตัดสินใจที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ก็อาจจะทำให้หลาย ๆ ฝ่ายแฮ็ปปี้
พรรคกลางกล่าวว่าด้วยระบบ Blockchain ที่ว่านี้ ทำให้ทุก ๆ คนมีสิทธิตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในประเทศของพวกเขาเองได้เลยไม่ต้องให้ ส.ส. ตัดสินใจ ทำให้พรรคกลางเชื่อว่านวัตกรรมดังกล่าวจะสามารถทำให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ ทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นจะมาจากเสียงส่วนมาก และจะเป็นการขจัดปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวงในโครงการต่าง ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งพรรคดังกล่าวย้ำว่าเป็นไปได้จริง
ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย
มีผู้คนมากมายออกมาแสดงความคิดเห็นกับข่าวนี้บ้างก็เห็นด้วย บ้างก็ไม่เห็นด้วย โดยอ้างอิงจากผู้ใช้งาน Facebook นาม Isriya Paireepairit ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Blognone นั้น เขาได้ออกมาแสดงความเห็นแบบสาธารณะเกี่ยวกับ นโยบายดังกล่าวของพรรคกลาง โดยเขาไม่เห็นด้วยกับระบบดังกล่าว ซึ่งมองว่า Blockchain นั้นไม่ได้มีความจำเป็นซะทีเดียวสำหรับการเลือกตั้งเนื่องจากยังมีข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น ความฟุ่มเฟือยของพลังงานในการสร้างระบบนี้ขึ้นมา เป็นต้น
หลังจากนั้น มีผู้ใช้ Facebook มากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็น ประกอบไปด้วยทั้งความเห็นทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยคละ ๆ กันไป
ในเวลาต่อมา มีผู้ใช้ Facebook ในกลุ่ม Bitcoin Thai Club ซึ่งเป็นกลุ่มที่สมาชิกที่ซื้อขาย Cryptocurrency และมีความรู้ ความเข้าใจด้าน Blockchain ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกับโพสดังกล่าวอย่างมากมาย
ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
ข่าวดังกล่าวนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี ที่ในประเทศไทยมีคนมองเห็นถึงประโยชน์ของการใช้ Blockchain ประยุกต์เข้ากับสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะในการเลือกตั้ง ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าการใช้ Blockchain กับการเลือกตั้งนั้นเป็นหนึ่งในวิธีที่ดึงจุดเด่นของมันออกมาได้อย่างชัดเจน เพราะว่าเทคโนโลยีดังกล่าวสร้างสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากที่สุดในยุค 4.0 ได้ นั้นคือ ความเชื่อใจระหว่างผู้ใช้นั่นเอง
ก่อนหน้านี้ทาง Siam Blockchain ได้เขียนบทความแสดงให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียของการประยุกต์ใช้ Blockchain กับการเลือกตั้งไว้แล้ว โดย
“ถ้าหากมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ากับการเลือกตั้ง ทุก ๆ คนจะสามารถตรวจสอบได้ว่า ผลโหวตของเราเป็นไปตามที่เราโหวตจริง ๆ หรือไม่ เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างจะถูกบันทึกอยู่ใน Blockchain ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และทุก ๆ คนสามารถเห็นผลโหวตของคนอื่น ๆได้เช่นกัน ทำให้เกิดความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้น ในการเลือกตั้งนั้น ๆ และแน่นอนว่าการโกง หรือ ทุจริต นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย”
“แม้ว่าจะมีหลาย ๆ ประเทศที่นำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพื่อการช่วยอำนวยความสะดวกในการเลือกตั้งของพวกเขาแล้ว แต่ว่า นั้นก็ยังไม่ได้การันตีถึงความโปร่งใสในการเก็บข้อมูลของการเลือกตั้งนั้น ๆ แบบ 100% เนื่องจากข้อมูลเหล่าที่ถูกเก็บอยู่บนฐานข้อมูลเซิฟเวอร์แบบ centralized ก็ยังสามารถถูกแทรกแซงได้อยู่ดี”
“ตัวอย่างก็เคยมีให้เห็นมาแล้ว หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2016…เราจะเห็นข่าวว่า คนอเมริกาตั้งข้อสงสัยว่า รัสเซียได้มีการแทรกแซง ผลของการเลือกตั้งประธานาธิปดีของสหรัฐอเมริกาผ่านผลการเลือกตั้งที่ทำบนระบบอิเลคทรอนิกส์ ทำให้เกิดกระแสต่าง ๆ ซึ่งถ้าเกิดสหรัฐอเมริกาประยุกต์ใช้ Blockchain ในการเลือกตั้งของพวกเค้า ปัญหาเหล่านี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลย”
เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในแต่ละครั้งนั้น ส่งผลกับประเทศของเราอย่างยิ่งยวด เช่นนั้นการพัฒนาระบบการเลือกตั้งนี้ก็เหมือนกับการพัฒนาประเทศไปในตัวเป็นระลอก ๆ ไป
ถึงแม้ Blockchain จะดูเหมือนว่าเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ขนาดไหนก็ตาม แต่ไม่มีระบบไหนไม่มีข้อเสียในตัวของมันเอง ด้วยความที่ว่าเป็นประชาธิปไตยโดยตรงนั้น ทำให้ทุก ๆ คนมีสิทธิออกเสียง แล้วทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ทุก ๆ คนกำลังจะออกสิทธิตัดสินใจนั้น เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมกับคนหมู่มากหรือไม่
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุก ๆ คนที่มีเวลามานั่งศึกษาว่า การบริหารการจัดการเรื่องการเมือง การเงิน การคลัง การออกนโยบายต่างๆ ในระดับประเทศนั้นต้องทำอย่างไร เพราะว่าสิ่งเหล่าล้วนส่งผลเป็นปฎิกริยาลูกโซ่ต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งประเทศหรือมากกว่านั้น
ทุก ๆ คนมีงาน มีอาชีพที่พวกเขาต้องเผชิญทุก ๆ วัน ก็อาจจะไม่มีเวลามาครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนการให้อำนาจไว้ที่คนกลุ่มนึงซึ่งมีหน้าที่บริหารทั้งประเทศแบบ Full Time โดยที่พวกเขาหล่านั้นมีความรู้ และประสบการณ์อาจเป็นไอเดียที่มีข้อดีบ้างก็ได้เช่นกัน
ดังนั้นสิ่งที่ผู้เขียนเห็นว่าเหมาะควรที่สุดคือ การส่งเสริมให้ความรู้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีนี้อาจจะให้ผลลัพธ์มากกว่าการพึ่งพามันอย่างเดียว เนื่องจาก Blockchain ไม่ใช่ของวิเศษที่พอใช้มัน ก็สามารถแก้ปัญหาที่มีมาหลาย ๆ ปีได้ทันที แต่มันคือเครื่องมืออันหนึ่งที่ช่วยมอบอำนาจให้กับทุก ๆ เท่ากันได้อย่างแท้จริง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น