<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘กมลา แฮร์ริส’ แสดงจุดยืนสนับสนุนให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน และ AI

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

กมลา แฮร์ริส ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ได้แถลงต่อสาธารณะอีกครั้งเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ในระหว่างสุนทรพจน์เมื่อวันพุธ ที่ Economic Club of Pittsburgh

Kamala Harris ได้ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก เพื่อสนับสนุนการปกป้องสกุลเงินดิจิทัล โดยกล่าวว่า เธอต้องการให้สหรัฐอเมริกา “ยังคงครองความเป็นผู้นำ” ในด้านบล็อกเชน ปัญญาประดิษฐ์ AI และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกิดใหม่อื่น ๆ

Kamala Harris กล่าวในสุนทรพจน์ เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ The Economic Club of Pittsburgh ว่า “เราจะลงทุนในด้านการผลิตทางชีวภาพ การบินและอวกาศ โดยยังคงรักษาความเป็นผู้นำในด้าน AI และการคำนวณเชิงควอนตัม บล็อกเชน และเทคโนโลยีเกิดใหม่อื่น ๆ และขยายความเป็นผู้นำของเราในด้านนวัตกรรมและการผลิตพลังงานสะอาด “

“ความก้าวหน้าครั้งใหม่ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ขั้นสูง พลังงานความร้อนใต้พิภพ หรือพลังงานนิวเคลียร์ขั้นสูง ไม่เพียงแต่จะได้รับการคิดค้นเท่านั้น แต่จะยังถูกสร้างขึ้นในอเมริกาโดยคนงานชาวอเมริกันด้วย” Kamala Harris กล่าวเสริม

ในขณะที่คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงตนเป็นผู้สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลมาระยะหนึ่งแล้ว

ส่วน Kamala Harris ที่เคยนิ่งเฉย ได้ออกมาเปิดเผยมุมมองของเธอเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเมื่อวันที่ 22 กันยายน โดยออกแถลงการณ์สนับสนุนการสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึง “สินทรัพย์ดิจิทัล” พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการคุ้มครองผู้บริโภคในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงานระดมทุน

Kamala Harris ได้กล่าวย้ำถึงจุดยืนของเธอ เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ในแผนเศรษฐกิจ 82 หน้าที่เผยแพร่ พร้อมกับสุนทรพจน์ของเธอในเมืองพิตต์สเบิร์ก

แผนดังกล่าวอ้างถึง คำว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” ในประโยคเดียว โดยระบุว่า รัฐบาลของเธอจะ “ส่งเสริมเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม เช่น AI และสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะเดียวกันก็ปกป้องผู้บริโภคและนักลงทุนของเรา”

แผนเศรษฐกิจของแฮร์ริส วอลซ์จำนวน 82 หน้ามีการกล่าวถึง สินทรัพย์ดิจิทัลเพียงครั้งเดียว แหล่งที่มา: KamalaHarris.com

ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ของเธอ Kamala Harris ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการที่สหรัฐฯ ต้องรักษาความเป็นผู้นำเหนือประเทศคู่แข่ง ในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยทำให้มั่นใจว่า สหรัฐฯ จะเป็นผู้นำโลกด้านอุตสาหกรรมในอนาคต และอเมริกาจะชนะสำหรับการแข่งขันในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่จีน “

จากการสำรวจความคิดเห็นระดับประเทศ แฮร์ริสและทรัมป์มีคะแนนนำเกือบจะเท่ากัน โดยแฮร์ริสมีคะแนนนำหน้าเพียง 2.5 เปอร์เซ็นต์ ตามข้อมูลของ FiveThirtyEight เมื่อวันที่ 25 กันยายน