ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Tether เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนกลายเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมคริปโต ผู้ให้บริการ stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายนี้ ได้ฉลองครบรอบ 10 ปี ด้วยการเปิดตัว ‘Stability and Freedom in Chaos’ ซึ่งเป็นสารคดีเกี่ยวกับ USDT และบทบาทของ USDT ในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
ตัวอย่างของสารคดีดังกล่าว ประกอบด้วยการสัมภาษณ์ผู้ใช้งานจากประเทศที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อ อย่างตุรกี บราซิล และอาร์เจนตินา ซึ่งการยอมนำ stablecoin มาใช้เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ USDT มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 120,000 ล้านดอลลาร์ เป็น stablecoin ที่ใหญ่ที่สุด และเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสาม รองจาก Bitcoin และ Ethereum
รายงานของ Kaiko ในเดือนเมษายนเผยให้เห็นว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อของตุรกีเป็นแรงขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังการใช้ stablecoin ที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา โดย USDT-TRY เป็นคู่ซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์ บนเว็บเทรดคริปโต Binance ในปี 2024
ตามรายงานของ Chainalysis ระบุว่า ในบราซิล USDT คิดเป็น 80% ของปริมาณธุรกรรมคริปโตทั้งหมดในปี 2023 โดยมีมูลค่าประมาณ 54,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งชาวบราซิลใช้ USDT ในการทำธุรกรรมรายวัน
ส่วนอาร์เจนตินา แสดงให้เห็นถึงความต้องการ USDT ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากค่าเงินที่ลดลง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวอาร์เจนตินาจำนวนมากจึง แปลงเงินเดือนของตนโดยตรง ไปเป็น USDT หรือ stablecoin เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
Tether ก้าวเข้าสู่ทศวรรษหน้า
Tether เปิดตัวครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2014 โดย Brock Pierce, Reeve Collins และ Craig Sellars ซึ่งในช่วงแรก Tether ดำเนินการบนแพลตฟอร์ม OmniLayer บนโปรโตคอล Bitcoin จากนั้นจึงขยายไปยังบล็อกเชนต่างๆ มากมาย รวมถึง Ethereum และ Tron
Tether กำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษหน้า โดยมีภารกิจหลัก ในการส่งเสริมศักยภาพให้แก่บุคคล, ชุมชน และประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง ผ่านเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการเงิน
Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับการเข้าถึงทางการเงินของทุกคนเสมอ (และจะยังคงให้ความสำคัญต่อไป) คนรวยมีทางเลือกในการทำธุรกรรมและจัดเก็บความมั่งคั่งมากมายอยู่แล้ว เราจึงสร้างเทคโนโลยีทางการเงินสำหรับผู้คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
Paolo Ardoino กล่าวเสริมว่า “ตั้งแต่เครื่องมือทางการเงิน (stablecoin) ไปจนถึงการสื่อสารทางไกล จากปัญญาประดิษฐ์ จนถึงการศึกษา และพลังงานที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ เราเชื่อมั่นในความสำคัญของการส่งเสริมศักยภาพให้แก่ผู้คน ชุมชน เมือง และประเทศทั้งประเทศ”
ที่มา : cryptobriefing