<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เกาหลีใต้เดินหน้าคุมธุรกรรม Stablecoin ข้ามพรมแดน หวังยกระดับความปลอดภัยนักลงทุน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังเตรียมออกกฎเกณฑ์การควบคุมธุรกรรม Stablecoin ที่เกิดขึ้นข้ามพรมแดน หลังเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของประเทศได้ประกาศว่ากำลังทบทวนมาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าธุรกรรม Stablecoin มีความมั่นคงและปลอดภัย

โดยหน่วยงานของรัฐบาลได้ระบุว่า Stablecoin นอกจากจะถูกใช้ในการซื้อขายและแลกเปลี่ยนภายในระบบนิเวศของคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว มันยังถูกใช้ในธุรกรรมข้ามพรมแดนด้วย ซึ่งการทำธุรกรรมเหล่านี้ขยายขอบเขตของ Stablecoin ให้ครอบคลุมการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งอาจต้องมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างออกไปสำหรับการใช้งานรูปแบบนี้

ในขณะที่คณะกรรมการบริการทางการเงิน (Financial Services Commission – FSS) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินสูงสุดของเกาหลีใต้ กำลังให้ความสำคัญกับ Stablecoin ในขั้นตอนที่สองของการร่างกฎหมาย “Virtual Asset User Protection Act” โดย FSS วางแผนที่จะหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ในเขตอำนาจศาลต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป แม้ว่าจะยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่ชัดสำหรับการปรึกษาหารือ

ส่วนหนึ่งของการออกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ Stablecoin นี้ จะเริ่มต้นด้วยการออกระบบเพื่อจัดการกับเหรียญที่ผูกกับสกุลเงินวอนของเกาหลีใต้ ซึ่งหมายความว่ากฎหมายสำหรับ Stablecoin ที่ผูกกับสกุลเงินวอนจะถูกจัดตั้งขึ้นก่อน จากนั้นจึงจะขยายไปยัง Stablecoin ที่ผูกกับสกุลเงินต่างประเทศ

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ออกกฎเกี่ยวกับ Stablecoin หลังจากการล่มสลายของ Terra ในปี 2022 โดยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2022 ญี่ปุ่นได้สั่งห้ามการออก Stablecoin โดยสถาบันที่ไม่ใช่ธนาคาร แต่ต่อมาได้ยกเลิกคำสั่งห้ามดังกล่าวในปี 2023 ในขณะที่กฎระเบียบ Markets in Crypto-Assets Regulation ของสหภาพยุโรปก็เริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตหลายแห่งต้องถอด Stablecoin ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดออกจากระบบ

สิ่งที่น่าสนใจคือกฏหมายใหม่นี้ทางเกาหลีใต้จะให้ความสำคัญอย่างเข้มงวดในการปกป้องผู้ใช้งานคริปโตด้วย โดยเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา กฎหมาย Virtual Asset Protection Act ได้มีผลบังคับใช้ กำหนดให้ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศต้องปฏิบัติตามกฎที่เข้มงวดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันสำหรับกรณีถูกแฮก และการโจมตีทางไซเบอร์ 

นอกจากนี้ทางรัฐบาลยังบังคับให้ผู้ให้บริการต้องแยกสินทรัพย์ของลูกค้าออกจากเหรียญของบริษัท และต้องเก็บเงินฝากของลูกค้าไว้ในธนาคาร ซึ่งจะมีการตรวจสอบรายการเหรียญในกระดานเทรดเป็นประจำ

และสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม ทางรัฐบาลเกาหลีใต้จะดำเนินการลงโทษผู้ที่ละเมิดอย่างเข้มงวด โดยมีโทษจำคุกและค่าปรับที่สูงถึงสามถึงห้าเท่าของผลกำไรที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย

ที่มา: Cointelegraph