รายงานล่าสุดจาก Cyvers ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมาการโจรกรรมในวงการคริปโตได้สร้างความเสียหายไปมากกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมต้องเผชิญขณะพยายามก้าวสู่การยอมรับในกระแสหลัก
โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้การแฮ็กเพิ่มขึ้นคือมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลที่พุ่งสูง โดยเฉพาะราคา Bitcoin (BTC) ที่เพึ่งทะลุ 100,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เหล่าอาชญากรหันมาสนใจตลาดคริปโตอีกครั้ง
การโจมตีที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากช่องโหว่ในการควบคุมการเข้าถึง (Access Control Breaches) ซึ่งรวมถึงการจัดการกุญแจส่วนตัว (Private Key) ที่ไม่รัดกุม โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน (CEXs) และบริการดูแลทรัพย์สินดิจิทัล (Crypto Custodians)
ซึ่งปัญหานี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กกระเป๋าเงินแบบ Multi-Signature และระบบจัดการคีย์ที่ไม่มีความปลอดภัยเพียงพอ ทำให้ช่องโหว่จากการควบคุมเหล่านี้สร้างมูลค่าความเสียหายเกือบ 1.9 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 81% ของความเสียหายทั้งหมดในปีนี้
และเพื่อป้องกันไม่ให้ปี 2025 เกิดความเสียหายระดับพันล้านดอลลาร์ซ้ำอีก Cyvers แนะนำให้อุตสาหกรรมคริปโตให้ความสำคัญกับการพัฒนาความปลอดภัย เช่น การจัดการ Private Key แบบออฟไลน์ และระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
ในขณะที่ Michael Pearl จาก Cyvers ได้ออกมาเตือนว่า แฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนืออาจมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายใหญ่ เช่น กองทุน Bitcoin ETF ของสหรัฐฯ ซึ่งมีการเก็บรักษา Bitcoin ไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่ง FBI ได้ออกคำเตือนถึงความเสี่ยงนี้แล้ว
“ด้วยการให้ความสำคัญกับการศึกษา ความร่วมมือ และนวัตกรรมด้านความปลอดภัย เราสามารถลดช่องโหว่เหล่านี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ และสร้างระบบนิเวศ Web3 ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น”
ที่มา: Cointelegraph