Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ออกมาเปิดเผยว่า คู่แข่งกำลังเดินเกมทางกฎหมายเพื่อสกัดกั้นการเติบโตของ USDT แทนที่จะมุ่งหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีกว่า โดยเขาชี้ว่า ผู้ออก Stablecoin รายอื่นไม่ได้ต้องการแข่งขันกันด้วยคุณภาพ แต่กลับใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือบ่อนทำลาย Tether โดยตรง
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา Ardoino ได้โพสต์ข้อความบน X โดยระบุว่า ในขณะที่คู่แข่งของเราควรจะเอาเวลาไปสร้างเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า แต่พวกเขากลับใช้กลยุทธ์ล็อบบี้รัฐบาลสหรัฐฯ ให้บังคับใช้กฎหมายที่อาจส่งผลเสียต่อ Tether โดยตรง ซึ่งเขาย้ำว่า ทุกการประชุมทางธุรกิจและการเมืองของคู่แข่งมีเจตนาเดียวคือ “การฆ่า Tether ให้ตาย”
Ardoino อธิบายว่า USDT คือ Stablecoin ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดเกิดใหม่ และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เงินดอลลาร์ครองความเป็นผู้นำในระดับโลก แต่เรื่องนี้กลับทำให้ Tether กลายเป็นเป้าหมายของการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมมากขึ้น คู่แข่งไม่ได้พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนให้ดีกว่า แต่กลับมุ่งโจมตีเพื่อกำจัด USDT ออกจากตลาด

ล่าสุด มีรายงานว่า ร่างกฎหมาย Stablecoin ฉบับใหม่ของสหรัฐฯ อาจมีเงื่อนไขที่ห้ามผู้ออก Stablecoin จากต่างประเทศเข้าถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ Tether อย่างหนัก
Vance Spencer ซีอีโอของ Hiframework ได้ออกมาเปิดเผยว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวที่ “บ้าบอสิ้นดี” เพราะมันจะตัดโอกาสของผู้ออก Stablecoin ระดับนานาชาติไม่ให้เข้าถึงตลาดพันธบัตร ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการบริหารสภาพคล่อง
Spencer มองว่า นี่คือความพยายามของบริษัท Stablecoin ในสหรัฐฯ ที่ต้องการใช้กฎหมายเพื่อควบคุมตลาดและกำจัดคู่แข่งมากกว่าการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ด้าน Ardoino ก็ยืนยันว่า Tether จะไม่ยอมให้การผูกขาดทางกฎหมายมาทำร้ายผู้ใช้ USDT กว่า 400 ล้านคนที่ต้องพึ่งพาเหรียญนี้อยู่ทุกวัน
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ Tether เท่านั้นที่ลุกขึ้นมาปกป้องตลาด Stablecoin หลายฝ่ายในวงการคริปโตเห็นตรงกันว่า จำเป็นต้องมีการต่อต้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมนี้ เช่นเดียวกับที่เคยมีการรวมพลังกันต่อต้านร่างกฎหมายของ FTX ในปี 2021
นอกจากนี้ Spencer ยังย้ำว่า วงการคริปโตต้องแสดงจุดยืนต่อร่างกฎหมาย Stablecoin เพื่อปกป้องอนาคตของอุตสาหกรรม
ขณะที่การถกเถียงในชุมชนคริปโตกำลังดุเดือด Nic Carter ผู้ก่อตั้ง Castle Island Ventures ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การจำกัด Tether จากตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อ Tether เท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อระบบดอลลาร์สหรัฐในระดับโลก เขาอธิบายว่า ปัจจุบันระบบสกุงเงินดอลลาร์มีการใช้งานอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ และหากรัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์นักลงทุนต่างชาติจากพันธบัตรสหรัฐฯ อาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สั่นคลอน
Spencer ยังกล่าวเสริมอีกว่า ความต้องการ Stablecoin ส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ และหากสหรัฐฯ ต้องการรักษาความเป็นผู้นำของดอลลาร์ในอนาคต ก็ต้องเปิดทางให้ Stablecoin จากต่างประเทศเติบโต ไม่ใช่ปิดกั้นการเข้าถึงตลาดพันธบัตร
Tether ในปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รายใหญ่อันดับที่ 18 ของโลก โดยมีทุนสำรองมากกว่า 115,000 ล้านดอลลาร์ในพันธบัตรสหรัฐฯ และมีผู้ใช้งาน USDT มากกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก อีกทั้งยังมีการเติบโตถึง 35 ล้านกระเป๋าต่อไตรมาส ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Stablecoin ตัวนี้มีบทบาทสำคัญต่อระบบการเงินในตลาดเกิดใหม่และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับดอลลาร์สหรัฐ
ศึก Stablecoin ครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมคริปโต และยังคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Tether จะสามารถต้านทานแรงกดดันจากคู่แข่งและรัฐบาลสหรัฐฯ ได้อย่างไร
ที่มา:cryptopolitan